จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป

จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป

จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป

เนื่องจากตอนเขียนบทความนี้ แอดมินเพิ่งกลับจากทริปเยอรมนี-ออสเตรีย ซึ่งเป็นทริปยุโรปแรก  โดยเที่ยวยุโรปเต็มๆ 29 วัน(ไม่รวมวันนั่งเครื่องบิน)  จึงอยากมาบันทึกว่าครั้งหน้าควร จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป อย่างไร


 

ก่อนที่จะข้ามไปว่า จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป อย่างไร แอดมินขอขั้นด้วยคำถามว่า ควรใช้กระเป๋าอะไร กันก่อนนะคะ

– กระเป๋าลาก หรือแบกเป้ดีกว่า

เรื่องนี้ก็แล้วแต่ชอบค่ะ จะเป้ จะลาก ก็ตามชอบนะคะ  แต่สำหรับแอดมิน เลือกแบบลากค่ะ เพราะไม่อยากแบกให้เมื่อยหลัง  เพราะเคยแบกมาแล้วปวดไหล่มาก แล้วก็คิดว่าในเมื่อเราไปที่ที่มันลากได้ทำไมไม่ลาก  ไม่ได้ไปเข้าค่าย กางเต้นท์ ปีนเขาซะหน่อย

ถ้าแบกเป้ เวลาซื้อของกลับมันใส่ไม่พอ แล้วมันจะหนักมากค่ะ แถมกลัวว่าของด้านในจะเสียหายด้วยค่ะ  เพราะของที่แอดมินซื้อ มักจะเป็นของหนัก เช่น แยม นูเทลล่า เบียร์ ไวน์(ขวดพลาสติก) ขนม คือของส่วนใหญ่ในกระเป๋าขากลับจะเป็นของกินทั้งนั้น  ก็เลยรู้สึกว่า กระเป๋าลาก นี่แหล่ะเหมาะกับเราที่สุด

แอดมินจะใช้กระเป๋าค่อนข้างเล็กไม่เกิน 20-22 นิ้ว ถ้าใหญ่ไปก็ลำบาก ใช้เล็กๆ แล้วลาก สบายดีค่ะ (จริงๆอยากเล็กกว่านี้ แต่กลัวใส่ไม่พอ)

แต่ที่รู้สึกว่าผิดพลาดคือ   ซื้อแบบ 4 ล้อเล็ก แล้วเวลาลากผ่านหิน ผ่านทางที่ขรุขระ โดยเฉพาะในยุโรปที่มักเป็นหินก้อนใหญ่ๆ ไม่ใช่พื้ันปูนเรียบๆ  ลากไปก็หวาดเสียวว่าล้อมันจะหลุด

เคยเห็นกระเป๋าล้อลากที่มีสองล้อ แต่ล้อเขาจะใหญ่มาก คิดว่าถ้าครั้งต่อๆไปคงอยากซื้อแบบนั้นมากกว่าค่ะ


– กระเป๋าแข็ง หรือผ้าดีกว่า

แอดมินเคยปวดหัวกับเรื่องนี้มาแล้วค่ะ แต่ตอนนี้สรุปได้ว่า มันดีเสียกันคนละแบบค่ะ ซื้อแบบไหนก็ไม่ผิดหรอกค่ะ

กระเป๋าแข็ง มันช่วยลดการกระแทก ปกป้องของข้างในได้ดี กันฝน เช็ดล้างง่าย สวย เบา แต่ก็อาจแตกได้ง่ายกว่า(กระเป๋าแตกนะ ไม่ใช่ของของในแตก) เพราะมันไม่ยืดหยุ่น  และดูใหญ่เทอะทะ

กระเป๋าผ้า ตรงข้ามกับกระเป๋าแข็งเลยค่ะ แต่แอดมินเลือกแบบผ้าค่ะ ด้วยความชอบส่วนตัว มันขยายมันหดได้ ยืดหยุ่นได้ กระเป๋าไม่แตกแน่ๆ และเท่าที่ลากๆมา เห็นคนยุโรปใช้แบบผ้ามากกว่านะ(ใช้แบบรุ่นเก่าๆด้วย)

เอาเป็นว่าจะแข็งหรือจะผ้า ก็แล้วแต่ชอบนะคะ แอดมินคิดว่า มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในเรื่องการเดินทางเลย

แต่ที่อยากแนะนำก็คือ อย่าใช้ใบใหญ่เกินไป ใช้ใบเล็กที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ แล้วก็ล้อที่ใหญ่ หลักการแค่นี้ค่ะ


– ทำยังไงให้ใช้กระเป๋าใบเล็กๆได้

เลือกแต่ของที่จำเป็น เครื่องประดับ ส้นสูง สิ่งของเสริมฐานะ ดูหรูหรา ไม่ต้องค่ะ แต่งตัวให้ดูธรรมดาที่สุด คล่องตัวที่สุด ไม่โทรมและไม่หรู

เสื้อผ้าเอาไปแต่น้อยๆ เสื้อตัวในๆ ก็บางๆ ซักง่าย แห้งง่าย

เลือกเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยใส่ ไม่ชอบแล้ว อยากทิ้ง เอาไปใส่3-4ครั้ง แล้วก็ทิ้งไปเลย

เสื้อซับเหงื่อชั้นแรก บาง เบา แห้งง่าย 3 ตัว

เสื้อโชว์ชั้นสอง อะไรก็ได้ 2-3ตัว

เสื้อไหมพรม / Fleece Jacket / เสื้ออุ่นๆ 1 ตัว

เสื้อกันหนาว+กันลม 1 ตัว

ถุงมือ หมวกไหมพรม ถุงแขน  ผ้าพันคอ อย่างละ 1 ชุด

ชุดชั้นใน 3 ตัว  กางเกงใน 3 ตัว

ถุงเท้าบาง 3 คู่ ถุงเท้าธรรมดา/หนา 3 คู่


 

 

จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป เอาอะไรไปบ้าง

เสื้อผ้าก็จัดตามฤดูไปเลยค่ะ แต่สิ่งที่แอดมินคิดว่า ต้องเอาไปเหมือนกันทุกฤดู ก็คือ

– เสื้อที่บางสุดๆ ใส่ชั้นแรก เอาไว้ซับเหงื่อ ซักง่าย แห้งง่าย

เอาไปกี่ตัวดี : เรื่องนี้แล้วแต่ขนาดกระเป๋าแล้วก็ความถึกของแต่ละคนนะคะ

แต่สำหรับแอดมิน ประสบการณ์สอนมาแล้วว่า เอาไปแค่ 3 ตัวพอค่ะ (เราถึก)

ถ้าไปตอนหนาวๆ ก็จะใช้เสื้อยืดแบบ Heat Tech มันบาง และแห้งง่าย เอาำป 3 ตัว ไม่ต้องซักทุกวันค่ะ ใส่ 2-3 ครั้ง ค่อยซักทีนึง (ถ้าไปหน้าร้อนก็เป็นเสื้อยืดธรรมดาบางๆก็พอค่ะ)

หรือถ้ามันหนาวมาก ก็ใส่ไปเลย 2-3 ชั้น พอครบ 3 วัน ก็เอาชั้นที่1 มาเป็นชั้นนอกสุด แล้วเลื่อนเอาชั้นที่2 มาเป็นชั้นในสุด สลับไปสลับมาแบบนี้ บางทีขี้เกียจซักมากๆ ก็กลับหน้าหลัง แปลว่า 3 ตัวนี้ใช้ได้อย่างน้อยๆ 9 วันเลยทีเดียวค่ะ

เสื้อพวกนี้เราซักได้ค่ะ คืนเดียวก็แห้งแล้ว ถ้าไม่แห้งก็ตากอีกคืนก็แห้งแน่ๆชัวร์ๆ (อย่าลืมเอาผงซักฟอกไปด้วยนะ หรือใช้สบู่เหลวในห้องอาบน้ำก็ได้) ซักในอ่างล้างหน้าเลยค่ะ

ก่อนไปเคยคิดว่า “มันจะแห้งหรอ มันจะสะอาดหรอ ไม่เหม็นหรอ”  พอไปจริงๆปรากฏว่า แห้ง และใส่หลายครั้งก็ไม่เหม็นค่ะ เพราะมันหนาว (แต่กรณีหน้าร้อน หรือวันที่ร้อน เหงื่อออกเยอะ ก็ควรซักนะคะ)  และเพิ่งเข้าใจว่า ฮีตเตอร์มันทำให้ผ้าแห้งเร็วขนาดนี้

ที่บอกแล้วแต่ความความถึก เพราะว่าบางคนไม่ถึกที่จะซักค่ะ หรือไม่สะดวกซัก/ตาก บางครั้งกลับมาดึกๆ เหนื่อยๆ ต้องมาซักผ้าอีก อาจไม่ไหว

สรุปเสื้อที่ใส่ชั้นแรก : บาง เบา แห้งง่าย จำไว้ว่าแค่ซับเหงื่อ


 

– เสื้อที่ใส่ชั้นที่สอง เอาไว้ใส่โชว์สวยๆเวลาต้องถอดเสื้อคลุม

จะแขนยาว หรือแขนสั้น ตามสบาย เอาไปแค่ 3 ตัวพอค่ะ เพราะมันไม่โดนเหงื่อ ใส่ไปเลย 7-10 วัน แล้วค่อยซัก หรือจะไม่ซักก็แล้วแต่ระยะเวลาที่ไปนะคะ

ถ้าไปแค่ 8-10 วัน เอาไปแค่ 2 ตัวพอ  ถ้าไปเกิน 10 วัน 3 ตัว(ไม่ต้องมากกว่านี้แล้ว จะไป 3 เดือนก็ใช้แค่นี้ เพราะไปหาเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญได้ค่ะ)

สรุปเสื้อที่ใช้ใส่ชั้นที่สอง : อะไรก็ได้เอาที่เราพอใจ จำไว้ว่าชั้นนี้ใส่เพื่อโชว์ หรือเพื่อปกปิดชั้นแรกนั่นเอง


 

– เสื้อใส่ชั้นที่สาม เสื้อไหมพรม / เสื้ออุ่นๆ / fleece jacket

อันนี้สำหรับหน้าหนาว หรือหน้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่หน้าร้อน  ใส่ตอนที่หนาว อากาศยุโรปแปรปรวนนะคะ เสื้อไหมพรมมันจะช่วยชีวิตเราได้ แม้ว่าอยู่เมืองไทยแล้วมันคือเสื้อคันดีๆนี่เอง

ถ้าไปตอนไม่หนาวมาก ก็เผื่อเสื้อคลุมธรรมดาๆก็พอค่ะ


 

– เสื้อกันหนาว / เสื้อคลุมหนา

อันนี้แล้วแต่ฤดูค่ะ ถ้าฤดูหนาวมากหิมะตก ติดลบถึงบวก 5 องศา ก็เต็มที่เลยค่ะ มันต้องหนาๆถึงจะเอาอยู่ เสื้อแบบกันหนาวสุดๆมันมีหลายแบบนะ เลือกเอาตามชอบค่ะ

ถ้าหนาวแบบชิลๆ 5-20 องศา อย่างฤดูใบไม้ผลิ กับฤดูใบไม้ร่วง ก็กลางๆ ไม่ต้องขนมิ้งค์ ไม่ต้องหนา แต่อย่าบางมาก

ถ้าหนาวแบบ ร้อนๆ เย็นๆ 20 องศาขึ้นไป เอาแค่เสื้อคลุมธรรมดาก็พอค่ะ เอาแบบที่ถอดเก็บได้ง่ายๆ เพราะตอนโดนแดน ตอนกลางวัน มันร้อน แต่พอเข้าร่ม หรือเช้าๆ ค่ำๆ มันก็จะเย็น

ไม่เอาเสื้อกันหนาวไปเลยดีมั้ย : แอดมินว่า ควรเอาไปค่ะ ไม่ว่าจะหนังหนาแค่ไหน หรือไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนก็ตาม

Tips : อย่าลืมเลือกแบบที่เบาแต่กันหนาวได้ดี เพราะเวลามันอยู่บนตัวเราแล้ว ไหนจะกระเป๋า และของอื่นๆอีก มันก็ทำให้หนักได้ค่ะ  เลือกแบบที่เบาแต่กันหนาวได้ดี


 

– เสื้อกันลม / กันฝน

อันนี้ไม่ว่าจะฤดูไหน ต้องเอาไปค่ะ  ผ้าที่กันลมส่วนใหญ่ก็จะควบกับกันหนาวไปอยู่แล้วนะ อย่างพวกเสื้อที่เป็นชั้นๆเหมือนแหนมน่ะค่ะ

แต่ถ้าเสื้อกันหนาวของเรามันเป็นผ้าธรรมดา ต้องเอาเสื้อกันลมไปด้วยนะ

ส่วนเสื้อกันฝนที่ว่า ไม่ใช่เสื้อกันฝนแบบบ้านเราที่ตำรวจจราจรใส่ หรือที่ซื้ออันละ 30 บาทแบบโปร่งๆใสๆนะ มันไม่สวย มันลุ่มล่าม เทอะทะ ถอดก็ยาก ใส่ก็ยาก  ที่สำคัญคือเราจะไม่มีโอกาสเอาออกมาใช้เลยค่ะ  เพราะมันจะอายคนเขาอย่างแรง

ที่เห็นคนท้องถิ่นเขาใส่กัน มันก็คือเสื้อกันลมควบกันฝนนะ ที่มันเป็นผ้าร่ม แต่มันดูหนากว่า  พอฝนตก ไม่ว่าจะหนัก หรือฝนพรำ ก็จะเห็นเขาเอาฮู้ทมาปิด รูดซิปให้มิด เสียบมือเข้ากระเป๋า เดินตัวปลิวกันเชียว

และจะเห็นคนถือร่มน้อยมากค่ะ (ไม่ใช่ไม่มีนะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ถือร่ม ไม่รู้เพราะอะไร อาจเป็นเพราะลมมันจะตีร่มพังล่ะมั๊ง)

ส่วนกางเกง ก็เห็นบางคนใส่กางเกงผ้าร่ม ก็คิดว่าดีนะ ครั้งต่อๆไปจะเอาไปด้วย  ใส่ทับตอนฝนตก

ตอนเที่ยวเราสามารถเช็คสภาพอากาศจากแอพพลิเคชั่น ตอนก่อนจะออกจากโรงแรมตอนเช้าได้ค่ะ ไม่ต้องเอาออกไปด้วยทุกวันนะคะ

Tips : เลือกตัวใหญ่ๆหน่อยนะคะ เพราะข้างในเราก็หลายชั้นแล้ว  ใหญ่ไปดีกว่าคับใส่ไม่เข้านะ


 

– เสื้อชั้นใน กางเกงใน

อย่าเอาแบบดูมๆนะ เปลืองเนื้อที่ แถมแห้งยากอีก เอาแบบบางๆ แห้งง่ายๆ เอาไปอย่างละ 3 ตัวก็พอ

หลักการก็เหมือนกันค่ะ คือ ซักทุกวัน คืนเดียวแห้ง จริงๆนะ ทีแรกก็นึกว่าไม่น่าแห้ง หรือถ้าเปลี่ยนโรงแรมทุกวันแล้วคืนเดียวไม่แห้งสนิทจริงๆ ก็เก็บใส่ถุงซิปล็อค พอถึงโรงแรมอีกที่ก็เอาออกมาตาก

ถ้าเป็นโฮสเทล นอนรวมๆ ก็เอาเชือกไปขึงที่เตียงของเรา แต่อาจจะอายๆหน่อยนะ (แอดมินไม่ชอบนอนโฮสเทล ไม่ชอบนอนรวมกับคนอื่น เลยอยู่โรงแรมตลอดเลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้ค่ะ)

ใช้กางเกงในกระดาษดีมั้ย?  แอดมินเข็ดกับกางเกงในกระดาษแล้วค่ะ ใส่ไม่สบาย คัน แพง ไม่เวิร์คเลยสำหรับแอดมิน

สรุป ชุดชั้นในด้อง บางๆ ซักทุกวัน(ย้ำว่าทุกวัน ห้ามกลับด้าน) สำคัญมาก


 

– กางเกง / กระโปรง + เลกกิ้ง/ถุงน่อง

สำหรับแอดมินแม้จะเป็นผู้หญิงก็ต้องกางเกงอย่างเดียวค่ะ  ใส่ยีนส์ตลอด มันทนดี ใส่ตัวละ 20-30 วันยังได้เลย  แต่มันจะซักด้วยมือแล้วตากคืนเดียวไม่แห้งแน่ๆ ถ้าไปหลายเดือนก็ต้องหาเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ

ที่ใส่ได้นานเพราะใช้วิธีใส่ถุงน่องหรือเลกกิ้งบางๆข้างใน เพื่อซับเหงื่อ ใส่3-4วัน ก็ซักทีนึง คืนเดียวแห้งจริงๆค่ะ

กางเกงเอาไปเผื่อตัวเดียวค่ะ แล้วก็ตัวที่ใส่ไปอีก 1 ตัวค่ะ  แต่สำหรับใครที่อยากนั่งสบายๆบนเครื่องบิน ก็เอากางเกงนิ่มๆใส่ไปก่อน  ไปถึงค่อยเปลี่ยนค่ะ แต่อย่าลืมว่า บนเครื่องบินก็หนาวนะ

เลกกิ้ง/ถุงน่อง เอาไปแค่ 2-3 ตัวพอค่ะ  ใส่ตัวละ 3-4 วัน

ถ้าไปตอนหนาวก็เป็นเลกกิ้ง Heat Tech  ถ้าไปตอนร้อนก็เป็นถุงน่องหนาๆ

เลือกแบบที่ขายาวถึงส้นเท้าหรือข้อเท้านะคะ ถ้าเอาแบบครึ่งเข่า พอใส่ยีนส์มันจะร่นขึ้นมาเป็นก้อนที่ต้นขา

ทดลองจากที่บ้านก่อนนะคะ  ใส่เลกกิ้ง/ถุงน่อง ไป2ชั้น แล้วใส่ยีนส์ทับ เพราะบางทีมันหนาวมาก แล้วดูว่ามันคับมั้ย ดึงขึ้นมั้ย  เพราะยีนส์เราซื้อแบบพอดีตัว พอใส่อะไรข้างในปุ๊ปดึงไม่ขึ้นเลย  หรือไม่ก็ต้องซื้อยีนส์หลวมๆหน่อยค่ะ

สรุป  ถ้าหนาว-ใส่เลกกิ้งเพื่อซับเหงื่อและกันหนาว  / ถ้าไม่หนาว-ใส่ถุงน่องเพื่อซับเหงื่อ    แล้วใส่กางเกง/กระโปรงทับ


 

– รองเท้า

ควรเป็นแบบกันน้ำ เรื่องรองเท้าแล้วแต่ชอบนะ พูดยากค่ะ คืออะไรที่เราใส่นานๆแล้วโอเคก็เอาไปเลยค่ะ แต่อย่าเอาอันที่เพิ่งซื้อใหม่ไป

ถึงจะบอกว่าควรเป็นกันน้ำ แต่เห็นคนส่วนใหญ่ก็ใส่ผ้าใบแบรนด์เนมทั่วๆไปนะ ไม่เห็นจะกันน้ำตรงไหน

แอดมินเลยอยากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของรองเท้าแต่ละแบบกันนะคะ

– รองเท้าแตะ ใส่สบาย โล่ง แห้งง่าย ล้างง่าย แต่ถ้าหนาวคงจะไม่ไหว แถมยังดูไม่ค่อยดีด้วยค่ะ เดินขึ้นเขา เดินบนหิน ไม่ไหวแน่ค่ะ

– รองเท้าผ้าใบ เท่ห์ ใส่สบาย เดินสะดวก แต่ถ้าน้ำเข้า ฝนตก(อันนี้เคยแล้ว…เข็ดเลย) เวลาเดินบนหินมันจะเจ็บฝ่าเท้า  เดินนานๆก็เจ็บส้น และปวดข้อเท้ามาก  แต่คนส่วนใหญ่ใช้แบบนี้นะ เพราะมันใส่สบายดี แล้วก็ไม่ดูผิดแผกแตกแยกกับคนทั่วไป

– รองเท้าหนัง  เห็นส่วนใหญ่ก็ใช้เหมือนกันนะ แต่น้อยกว่าผ้าใบ  ข้อดีก็คือมันก็กันน้ำได้นะ ทนทาน ไม่หนาวเท้าด้วย  แต่หนัก  (อันนี้ไม่ค่อยรู้มากค่ะ เพราะไม่เคยลองใส่)

– รองเท้าบูทสูงๆ อันนี้เท่ห์มากเลย กันได้ทุกอย่าง แต่มันไม่ยืดหยุ่นนะ ถ้าวันไหนต้องขึ้นเนิน พื้นดิน หิน แบบลุยๆ ไม่น่าจะได้นะ เพราะช่วงข้อเท้ามันไม่ยืดหยุ่น

– รองเท้าเดินป่า Trekking / Hiking  จะเป็นแบบ shoes หรือ boots(หุ้มข้อ) ก็แล้วแต่ชอบค่ะ   แบบนี้จะลุยได้ทุกสภาพ  เลือกแบบมี Gotex (กันน้ำ)  แต่มันจะหนักกว่าผ้าใบ และแข็งกว่า

จะเห็นว่า แต่ละอย่างมันก็มีข้อดีข้อเสีย ต่างสถานการณ์กันไป ไม่ว่าจะเลือกแบบไหน ก็ต้องยอมรับนะคะ  สำหรับแอดมินเอง เลือกรองเท้าเดินป่าค่ะ เป็นแบบหุ้มข้อกลางๆ (Mid boots)

เหตุผลก็คือ ไม่อยากแบกอะไรหลายอย่าง ถ้าเอาทั้งผ้าใบ กับรองเท้าเดินป่า ไปอย่างละคู่  เวลาที่ใส่ผ้าใบ แล้วรองเท้าเดินป่าล่ะ จะเอาไปไว้ไหน ก็ต้องถือ ห้อย หรือใส่กระเป๋า เปลืองเนื้อที่ หนักเปล่าๆ

แต่ข้อเสียก็คือ มันจะไม่สบายเหมือนผ้าใบ แต่เมื่อหักข้อดีเช่น เดินบนหินแล้วไม่เจ็บ กันน้ำ กันโคลน เดินขึ้นเขา ขึ้นเนิน(เกือบทุกวันเลย) พื้นแฉะๆ ได้แบบไม่ห่วงอะไรเลย  ส่วนเวลานั่งรถ นั่งเครื่องบิน ก็ถอดค่ะ


 

– ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกไหมพรม ถุงแขน ถุงพุง ถุงเท้า แว่นกันแดด

ของพวกนี้จำเป็นมากเลยค่ะสำหรับคนขี้หนาว แต่หน้าร้อนอาจไม่จำเป็นนะ ส่วนหน้าอื่นๆไม่ว่าจะใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วง ก็ต้องเอาไปค่ะ ของพวกนี้มันช่วยชีวิตเราได้จริงๆ

สำหรับถุงมือ ซื้อแบบที่มีนิ้วโผล่ได้ด้วยนะ เพราะจะได้ไม่ต้องถอดๆใส่ๆ  ตอนไปแอดมินใช้วิธีตัดปลายนิ้วชี้กับนิ้วโป้งนิดนึงค่ะ สำหรับหยิบจับ และรูดมือถือ

สำหรับแว่นกันแดด ดูเป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ  เพราะไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหน มันก็มีแดดที่เปรี้ยงแสบตามาก ยิ่งมีหิมะ ยิ่งต้องใส่ ไม่งั้นลืมตาไม่ขึ้นค่ะ มันช่วยกันลม กันฝุ่นได้ด้วยนะ

ถุงเท้า ขึ้นอยู่กับรองเท้าที่ใส่และสภาพอากาศค่ะ  แล้วแต่คนด้วยนะ สำหรับแอดมินใส่ 2 ชั้น

ชั้นแรก เป็นถุงเท้าบางๆ  เอาไป 3 คู่ ใช้ 2-3 วันก็ซักทีนึง

ชั้นที่สอง เป็นถุงเท้าหนา(ถ้าหนาว) ถ้าไม่หนาวก็ถุงเท้าธรรมดา 3 คู่ ใช้ 7 วันก็ซักทีนึง


 

– มีด กรรไกรตัดเล็บ เข็มกลัด เข็มเย็บผ้า ด้าย ช้อนส้อม ถุงใส่แกง หนังยาง ถุงผ้า ถุงพลาสติก ผ้าปิดปาก

ถุงใส่แกง เอาไว้ใส่ของกินเป็นมื้อๆไปกินระหว่างวันค่ะ เช่น ทำแซนวิช เอาขนมปังโปะแฮม ทาน้ำสลัด แล้วโปะขนมปังทับอีกที แล้วยัดใส่ถุง มัดหนังยาง กินเสร็จทิ้งเลยค่ะ

ผ้าปิดปาก ไม่เคยเห็นใครใส่กันเลยนะคะในยุโรป แต่แอดมินรู้สึกว่ามันก็จำเป็นค่ะ เพราะเวลาคนไอ คนจาม พูดทีน้ำลายกระเด็น ไม่ค่อยรักษาสุขอนามัยเหมือนญี่ปุ่นเลยค่ะ โดยเฉพาะคนสูบบุหรี่เยอะมาก แถมเดินสูบ  เดินไปไหนก็เจอ หนีไม่พ้นเลยค่ะ ถ้าอยู่ในตัวเมือง จะหลบคนหน้า ก็เจอคนข้างๆ  ยืนรอรถเฉยๆก็มีควันออกมาจากถังที่ทิ้งบุหรี่

มีอยู่หลายครั้งที่นั่งรถบัสระยะไกล แล้วมีแต่คนไอ จาม สั่งน้ำมูก ตลอดทาง บางคนก็ไม่ค่อยปิดปากด้วย ทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง หนีไปไหนก็ไม่ได้

เคยใช้ใช้ผ้าเช็ดหน้า แต่มันก็ไม่สะดวกค่ะ  คิดว่าครั้งหน้าจะใช้มาส์คแบบใช้แล้วทิ้ง ใช้เฉพาะวัน

ไม่ได้ดัดจริตนะคะ แต่การเที่ยวเราก็ต้องรักษาสุขภาพที่สุด ถ้าไม่สบายไปล่ะก็หมดกันเลย


 

– อาหารเสริม

วิตามินรวม วิตามินซี วิตามินอี น้ำมันปลา พวกนี้จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

ไฟเบอร์ผง/เม็ด ไปเที่ยวไม่ค่อยได้กินผักแน่ๆค่ะ อันนี้ช่วยได้มากเลย ขับถ่ายคล่อง


 

– ยา

แก้ปวด แก้ไข้ ลดน้ำมูก แก้เจ็บคอ แก้อักเสบ แก้ไอ แก้ปวดท้อง แก้ท้องเสีย เกลือแร่

แก้คัน ยาหม่อง คลายกล้ามเนื้อ(ทั้งทาและกิน)

ยาประจำตัว แก้ปัญหาซ้ำๆส่วนบุคคล  น้ำตาเทียม ยาป้ายปากแก้ร้อนใน

ของพวกนี้ถ้าไม่เป็นจะไม่สนใจมันเลย แต่ถ้าเป็นขึ้นมาล่ะก็จะคิดถึงแทบตาย


 

– ครีมกันแดด เครื่องประทินผิว

เรื่องนี้สำคัญไม่ใช่เพราะห่วงสวย แต่เพราะแดดมันแรง ไม่เข้าใจว่าพวกฝรั่งทำไมถึงขาวกันนัก เราตากแดดวันเดียว ส่วนมือกับใบหน้าที่เป็นสองส่วนที่อยู่นอกผ้า ล้วนดำตัดกับแขน และตัวที่ขาว…เฮ้อ

ส่วนครีมทาตัวก็สำคัญเพราะอากาศมันแห้งมากค่ะ แฮนด์ครีมต้องทาบ่อยๆเลย

เอาไว้ครั้งต่อๆไปจะเอาแฮนด์ครีมผสมกับครีมกันแดดซะเลยดีมั้ย เอาไว้ทาหลังมือ


 

– เครื่องใช้ในห้องน้ำ

ถ้าไม่สนเรื่องความนุ่มสลวย ก็ใช้ของที่โรงแรมให้นั่นแหล่ะค่ะ เห็นส่วนใหญ่จะเป็น2in1 คือสระหัวกับล้างตัวใช้อันเดียวกัน ไม่มีครีมนวด  บางที่ก็ขวดเดียวหัวจรดเท้า  ใช้ได้ค่ะ แต่ผมฟูหน่อย

สำหรับแอดมินคิดว่าครั้งหน้าจะเอาแชมพู กับครีมนวด และครีมล้างหน้าของตัวเองไป แต่ใช้สบู่เหลวที่โรงแรมค่ะ  เพราะครั้งนี้ไม่ได้เอาอะไรไปเลย บางที่ไม่มีแชมพูให้ ก็ต้องไปซื้ออยู่ดี ขวดเล็กก็ไม่มีขาย ต้องซื้อขวดใหญ่ เปลืองเนื้อที่อีก สู้เราเอาไปเองดีกว่าค่ะ

แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่โกนหนวด ที่ปั่นหู  และอื่นๆที่คิดว่าเราขาดมันไม่ได้ เอาไปแบบน้อยๆ ขวดเล็กๆนะคะ

รองเท้าที่ใส่ในห้องน้ำและห้องนอน(ใช้อันเดียวกันแหละ) อันนี้เหมือนจะดูคุณหนูไปนิดนะ  แต่จากประสบการณ์ที่ไม่ได้เอาไป รู้สึกว่าทรมาณมากเลยค่ะ เพราะพื้นมันเย็นมาก แถมสกปรกด้วย เพราะฝรั่งเขาใส่รองเท้าเข้าบ้านกัน


 

universal-adapter-2
ที่แปลงหัวปลั๊ก ซ้าย 150 บาท , ขวา 20 บาท

universal-adapter

– เครื่องใช้อื่นๆ

กล้อง แบตเสริม เมมโมรี่การ์ด สายชาร์จ มือถือ power bank(เลือกแบบเบาๆ) ของพวกนี้คงรู้กันอยู่แล้ว

โน๊ตบุ๊กเล็กๆ เบาๆ + external Hard disk  อันนี้แอดมินคิดว่าจำเป็นสำหรับคนทำงาน หรือต้องเก็บไฟล์รูป ไฟล์วิดีโอเยอะๆ เพราะเมมไม่พอ ไปหลายอาทิตย์ หลายเดือน  ถ้าไปแป๊บเดียว ก็ไม่รู้จะเอาไปทำไมนะ

กระเป๋าคาดเอว หรือที่ห้อยคอ สำหรับซ่อนเงิน

กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสุดๆ เอาไว้ใส่ตั๋ว ใส่เงินเล็กๆน้อยๆ มือถือสำหรับดูแผนที่ ดูข้อมูลที่เตรียมมา  และของใช้ที่ต้องหยิบบ่อยๆ ลิปมัน ครีมทามือ ครีมกันแดดหลอดเล็กๆ แว่นกันแดด

กระเป๋าเป้เบาๆ เล็กๆ เอาไว้ใส่เสื้อที่ต้องเดี๋ยวใส่ เดี๋ยวถอดระหว่างวัน เพราะมันเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อนตลอดเลยค่ะ  ใส่ร่ม ใส่เสบียงอาหาร ใส่ของที่ไม่มีค่า ไม่ต้องมากลัวว่าจะโดนล้วงกระเป๋า

ที่เป่าผม(จริงอยู่ที่บางโรงแรมก็มีให้จะเอาไปทำไม แต่บางโรงแรมก็ไม่มีค่ะ สำหรับผู้หญิงผมยาว มันจำเป็นจริงๆนะคะ แต่ก็ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคนนะ)

ตัวเสียบปลํ๊กแบบใช้ทั่วโลก (Universal Adapter)

ถุงซิป สามารถใส่ได้ทุกอย่างเลยค่ะ ใส่แล้วไล่ลมออกช่วยลดพื้นที่ เวลาหยิบก็เห็นด้านในด้วย ใส่เสื้อผ้า ใส่ถุงเท้าที่อาจจะยังไม่แห้ง ใส่ผัก ใส่อาหาร ใส่ของเพื่อกันน้ำ เอาไปซัก 10-20 ใบ

ปากกา สมุดโน๊ดบางๆ กระดาษทิชชู่ กระดาษเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้าบางๆ (ผ้าเช็ดตัวแอดมินไม่เคยเอาไปเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาไปทำไมนะ โรงแรมก็มี แต่ถ้าอยู่โฮสเทลที่ไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ก็ต้องเอาผ้าผืนเล็กๆ หรือไมโครไฟเบอร์ไปแทนค่ะ)

ที่เปิดกระป๋อง ที่เปิดขวด หมอดเป่าลม เข็มทิศ กระเป๋าจัดระเบียบ

ใครคิดอะไรออกช่วยบอกกันมั่งนะ…


– กุญแจล็อคกระเป๋า

เรื่องนี้แอดมินจำไม่ลืมเลย เพราะทริปล่าสุดนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าใหม่ ใช้ล็อครหัสที่ติดอยู่ที่กระเป๋าอยู่แล้ว แต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดค่ะ

พอมาถึงโรงแรม เข้ารหัสตามปกติ (ใช้มาประมาณสิบกว่าวันแล้วไม่มีปัญหาค่ะ) แต่กลับเปิดไม่ได้ ตอนนั้นใจเสียมากเพราะของใช้ข้างในจำเป็นทั้งนั้น

คิดจะตัดซิปแล้ว แต่ก็จะทำให้กระเป๋าเสียไปเลย จะเอาอะไรใส่ ตอนนั้นก็อยู่นอกเมืองไม่มีร้านค้า

ค้นข้อมูลในกูเกิล ก็มีคนแนะนำว่าให้เลื่อนรหัสไปเรื่อยๆ ครบ 3 หลัก ทีแรกก็ถอดใจแล้ว แต่ก็เป็นทางเดียวที่ทำได้ตอนนี้ นั่งหมุนรหัสอยู่เป็นชั่วโมง และในที่สุดก็…แคร๊ก…อย่างกับเสียงสวรรค์เลยนะ

ปรากฏว่ารหัสมันเปลี่ยน  …ได้ไงไม่รู้นะ   คาดว่าอาจเกิดจากการโดนสะเทือนตอนคนขับรถบัสยก เพราะเห็นกระแทกแรงมาก

ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยล็อครหัสอีกเลย จึงคิดว่าครั้งต่อไปจะเอากุญแจไปล็อคเองดีกว่าค่ะ


 

ครั้งล่าสุดที่เพิ่งกลับมาสอนให้รู้ว่า เราแพคโลภจนเกินไป ทำให้เสื้อผ้าเหลือเยอะ แต่ก็ทิ้งไปเกือบหมด เพราะเตรียมแต่เสื้อที่จะทิ้งไปอยู่แล้วค่ะ

ทั้งหมดนี้แอดมินเขียนเพื่อเตือนตัวเอง จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป ครั้งหน้าจะต้องง่ายขึ้นอย่างแน่นอน


 

รีวิวจัดกระเป๋า เที่ยวยุโรป ครั้งแรก


รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1


สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


3 thoughts on “จัดกระเป๋าเที่ยวยุโรป”

  1. ไปเยอรมันเดือนไหนตั๋วราคาถูก
    Air Asiaไปมาเลเซียให้น้ำหนักกระเป๋าเท่าไร

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.