เที่ยวยุโรป SS1 D16 เที่ยว Neuschwanstein
วันนี้พวกเราจะไปเที่ยว Neuschwanstein castle แต่ไม่ได้ค้างที่ฟุสเซนนะ พวกเราจะไปค้างกันที่เขตชวานเกา ซึ่งอยู่ใกล้ปราสาทนอยชวานสไตน์ มากกว่าค่ะ
Oberammergau – Fussen
เนื่องจากฟุสเซนเป็นเมืองหลักที่มีรถไฟวิ่งผ่าน จะต่อรถบัสไปปราสาทนอยชวานสไตน์ ก็ง่ายๆ สำหรับพวกเราจะเดินทางจากโอเบอร์อัมเมอร์เกานะคะไปชวานเกา ซึ่งอยู่ป้ายก่อนถึงฟุสเซนนิดหน่อยค่ะ
จากในรูปด้านบน เป็นป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้สถานี Oberammergau bahnhof ที่สุดนะคะ
จะเห็นว่ามี 3 ป้ายเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
ซ้ายสุด ไม่รู้ไปไหนไม่เกี่ยวกับเราค่ะ
ขวาสุด สาย 9622 ไป Linderhof , Ettal (เมื่อวานไปมาแล้ว)
ส่วนป้ายกลาง ที่ไม่มีศาลา เป็นป้ายสาย 9606 ที่เคยลงบัส ที่ขึ้นมาจาก Garmisch-Partenkirchen
ซึ่งก็เป็นสายเดียวกันกับที่จะขึ้นไป Fussen
คือสาย 9606 มันเริ่มที่ Garmisch ไปสุดที่ Fussen โดยแวะผ่าน Oberammergau ด้วยนั่นเอง
แต่อย่าลืมดูตารางเวลา และหัวรถบัสให้ดีนะคะ เพราะ 9606 บางสายเท่านั้นที่จะไป Fussen ไม่ใช่ทุกสาย
สาย9606 ที่จะไป Fussen มีแค่วันละ 2 รอบเท่านั้น(บางวันก็อาจน้อยกว่า)
พัก Schwangau ไม่ใช่ Fussen
จริงแล้วพวกเราไม่ได้เข้าตัวเมือง Fussen ค่ะ เพราะจองที่พักเอาไว้ในเขต Schwangau จะอยู่เลย Neuschwanstein Castle แต่จะอยู่ก่อนถึง Fussen ซึ่งเป็นกลางทางซึ่งรถบัสก็ผ่านอยู่แล้ว
วิธีไป Fussen
จาก Munich
รถไฟต่อเดียวถึง single ticket ~22 euro (~ 2 ชม.)
Flixbus 14 euro มีวันละรอบ (4.35 ขม. นานมาก เพราะต้องไปแวะที่ Ulm)
จาก Garmisch
บัสสาย 9606 single ticket ~10 euro (ผ่าน Oberammergau) มีวันละ 2 รอบ (~ 2.30 ชม.)
ไม่มีรถไฟไปถึงโดยตรง นั่งบัสคุ้มสุด
จาก Oberammergau
บัสสาย 9606 single ticket ~8 euro มีวันละ 2 รอบ (~ 1.50 ชม.)
ไม่มีรถไฟไปถึงโดยตรง นั่งบัสคุ้มสุด
พักที่ไหนดี
ทางเลือกที่1 พัก Munich
ข้อดี ไม่ต้องแบกกระเป๋า ที่พักถูก
ข้อเสีย เที่ยวได้น้อย เพราะต้องเสียเวลาไปกลับ 4-5 ชม.
ทางเลือกที่ 2 พัก ***Fussen / Swangau***(แนะนำ)
ข้อดี วิวสวยมาก ใกล้ปราสาท ได้อยู่เที่ยวนาน
ข้อเสีย ที่พักแพง
ทางเลือกที่3 พัก Oberammergau / Garmisch
ข้อดี ไม่ต้องแบกกระเป๋า
ข้อเสีย ที่พักแพง เที่ยวได้น้อย เพราะต้องเสียเวลาไปกลับ 4-5 ชม.
ทางเลือกที่เป็นไปได้ แต่ไม่แนะนำให้ทำ
Munich –> Fussen –> Neuschwanstein –> Oberammergau/Linderhof –> Munich
Munich –> Fussen –> Neuschwanstein –> Garmisch/Mittenwald –> Munich
รับรองว่าเที่ยวแบบนี้ไม่สนุกแน่ๆค่ะ
เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งนะคะ สถานที่ที่ควบกันได้ เช่น
Munich –> Fussen –> Neuschwanstein
Oberammergau/Linderhof –> Fussen –> Neuschwanstein
RVO bus day ticket
– เป็นตั๋วใช้ขึ้นบัสได้ทั้งวัน ราคาคนละ 9.8 ยูโร
– ใช้เดินทางในเขต Oberbayern (เฉพาะบัสเท่านั้น)
ถ้านับเฉพาะแห่ล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น Fussen , Schwangau , Oberammergau , Garmisch-Partenkirche , Mittenwald , Berchtesgaden
– เราสามารถใช้ตั๋วนี้ นั่งบัสไปลง Salzburg ได้ด้วยนะคะ แม้ว่าจะอยู่ในออสเตรียก็ตาม เช่น นั่งบัสมาจาก Berchtesgaden ไปลง Salzburg หรือจาก Salzburg ไปที่อื่นๆภายใน Oberbayern
– แต่ไม่สามารถใช้บัสท้องถิ่นใน Salzburg ได้นะคะ เพราะบัสท้องถิ่นไม่ใช่ของเยอรมนี
– ตั๋วนี้คุ้มเฉพาะคนที่มาไม่เกิน 3 คนนะคะ ถ้ามา 4-5 คน ก็ซื้อ Bayern ticket น่าจะคุ้มกว่า
– ถ้าใครที่พัก Fussen หรือ Schwangau แล้วมี Guest card ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ RVO Day Ticket เลยค่ะ ซื้อแค่ตั๋วเที่ยวเดียวมาก็พอค่ะ
แต่น่าแปลกที่ แม้ว่า Munich ก็จัดอยู่ในกลุ่ม Oberbayern เหมือนกัน แต่ใช้ตั๋วนี้ไม่ได้นะคะ
แต่ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเพราะคงไม่ค่อยมีใครใช้บัสใน Munich อยู่แล้ว ใช้รถรางสะดวกกว่าเยอะค่ะ
เที่ยว Neuschwanstein
หลังจากมาถึงเขตชวานเกาและเก็บกระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งวันนี้เป็นบ้านพักห้องดีมากๆ จากนั้นก็รีบออกเพื่อไปปราสาทนอยชวานสไตน์ทันที เพราะกว่าจะมาถึงก็เกือบเที่ยงแล้ว
Bus 78 Fussen – Hohenschwangau
สำหรับคนที่พักที่ฟุสเซนก็แค่นั่งบัสสาย 78 ไปลงป้ายที่ชื่อ Hohenschwangau ก็จะถึงปราสาทนอยชวานสไตน์แล้วค่ะ
แต่สำหรับพวกเรา ที่พักจะอยู่ระหว่าง Fussen และ Neuschwanstein ซึ่งสามารถเดินไปได้ค่ะ แต่ไหนๆก็มีรถบัสสาย 78 ผ่าน แถมยังมี guest card นั่งบัสฟรี ก็อยากนั่งบัสให้คุ้มหน่อย
พอตอนไปยืนรอรถ ก็ดูตารางเวลาที่ป้ายแล้วนะคะ ก็รอไป แต่พอถึงเวลา ไม่เห็นมาเลยค่ะ ก็เลยเดินไปเองซะเลย เพราะถ้ารอรอบถัดไปก็ประมาณ 20 นาที (แต่ถ้าเดินก็ 20 นาทีเหมือนกันนะ แหะๆ..)
…คือใจร้อนไง แล้วก็ได้เดินชมพื้นที่ด้วย ระหว่างทางเดิน กำลังจะถึงแล้ว รถรอบถัดไป มันก็มาโฉบให้เราเจ็บใจเล่นอีก เชอะ…
ก่อนถึงปราสาทนอยชวานสไตน์ เรามาปูพื้นวังและปราสาทที่เกี่ยวกับพระเจ้าลุดวิกที่2 กันก่อนนะคะ
วังที่เกี่ยวกับ King Ludwig II
Munich Residence : วังหลวง ที่พักหลักของกษัตริย์ เหมือนเป็นที่ทำงาน งานราชการ
Nymphenburg palace : วังฤดูร้อน สถานที่เกิด อยู่ใกล้วังหลวง
Hohenschwangau : ปราสาทของพ่อแม่ เหมือนเป็นบ้านพ่อแม่ บ้านสมัยเด็ก ไว้มาเที่ยวพักผ่อน
วังและปราสาทที่โด่งดัง ที่ King Ludwig II สร้าง
Linderhof สร้างปี1867 เสร็จปี 1878 เข้าไปอยู่บ่อยครั้ง
Neuschwanstein สร้างปี 1868/69 ยังไม่สมบูรณ์ เคยเข้าอยู่แล้ว
Herrenchiemsee สร้างปี 1878 ยังไม่สมบูรณ์ เคยเข้าอยู่ได้ไม่กี่วัน
King Ludwig II เกิด 1845 เสียชีวิต 1886
Hohenschwangau
จริงๆแล้ว Hohenschwangau สร้างทับซากปราสาทเก่าๆโทรมๆ ที่ชื่อ Schwanstein
Schwanstein สร้างมาตั้งแต่ยุคอัศวิน ในศตวรรษที่12 หลังหมดยุคอัศวิน ก็ถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อยๆ จนปราสาทเหลือแต่ซาก
ยุคศตวรรษที่19 King Maximilian II พ่อของ King Ludwig II ก็ได้มาซื้อซากปราสาทนี้ แล้วสร้างปราสาทขึ้นมาใหม่ชื่อว่า Hohenschwangau ใช้เป็นวังฤดูร้อน
King Ludwig II ก็เคยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งได้เป็นกษัตริย์ต่อจากพ่อ
จากนั้น ก็ได้ย้ายมาอยู่ห้องของพ่อแทน ส่วนแม่ยังมีชีวิตอยู่ และพระเจ้าลุดวิกก็ยังไม่ได้แต่งงาน ก็เลยยังสามารถอยู่ที่ปราสาทหลังนั้นได้
Schloss Neuschwanstein (New Swan Stone Castle)
“the castle of the fairy-tale king”
ชื่อนี้เท่มากเลยนะคะ ว่าแต่ไม่เห็นมีหงษ์ซักตัว เจอแต่ “เป็ด” ค่ะ
Neuschwanstein สร้างไม่เสร็จ
เห็นปราสาทสวยงามใหญ่โตแบบนี้ แต่จริงๆแล้วตามแปลน ยังมีส่วนอื่นๆที่ยังสร้างไม่ครบนะคะ
เช่น Chapel , Terrace, การตกแต่งภายในชั้น 2 (ปัจจุบันเป็นห้อง Multimedia และ cafe)
ปราสาทอภิมหาอลังการนี้ ใช้เวลาสร้างแค่ 18 ปี ออกมาได้ขนาดนี้ แอดมินถือว่าเร็วนะคะ
ที่น่าจะยากมากก็คือ การวางรากฐาน การเคลียร์พื้นที่บนเขาออกถึง 8 เมตร ซึ่งมันเป็น “ภูเขาหิน”
พอปีถัดมาถึงได้เริ่มสร้างจริงๆค่ะ
ปราสาทที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น
เพราะเขาใช้วิทยาการที่ล้ำสมัยในการก่อนสร้างด้วย เช่น ใช้เครนระบบเครื่องจักรกลไอน้ำ
ภายในห้อง ยังมีเครื่องทำความร้อน แบบไม่ต้องจุดเตาผิงให้เกิดควัน การต่อท่อน้ำร้อนและน้ำเย็นให้ไปถึงทุกห้อง ในห้องน้ำก็มีระบบกดน้ำอัตโนมัติ
ระบบกดกริ่งเรียกคนรับใช้แต่ละแผนก โดยจะมีปุ่มเขียนป้ายชื่อไว้ ว่าปุ่มนี้จะเรียกฝ่ายไหน บริเวณที่ห้องพักกษัตริย์ยังมีโทรศัพท์
ส่วนเวลาส่งอาหารก็ไม่ต้องให้คนเดินขึ้นบันไดมา แต่เป็นการขนส่งทางลิฟท์แทน โดยเป็นลิฟท์โต๊ะเลื่อนขึ้นลงระหว่างห้องอาหาร และห้องครัว
ปราสาทในฝัน
ด้วยความสูงที่ต้องใช้เวลาเดินกว่า 30 นาที จึงไม่ได้ออกแบบมาเพื่อต้อนรับแขก หรืองานราชพิธี
แต่ออกแบบมาเพื่อไว้เป็นที่พักผ่อนเท่านั้น เหมือนเป็นโลกในฝันของเขา เพราะพระเจ้าลุดวิกต้องการอยู่อย่างสันโดษ ห่างไกลจากผู้คน
ภาพวาดต่างๆ ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากงานคอนเสิร์ตของ Richard Wagner ศิลปินคนโปรดของ King Ludwig II
ภาพจะแสดงออกถึง ความรัก ความรู้สึกผิด ความเสียใจ และการนิพพาน
…ลึกซึ้งเนอะ…
ปราสาทยอดฮิต
หลังจาก King Ludwig II เสียชีวิตเพียงแค่ 7 สัปดาห์ ปราสาท Neuschwanstein ก็ถูกเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เลย (เร็วมาก)
เป็นปราสาทที่โด่งดังที่สุดที่หนึ่งของยุโรป มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมมากกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะในหน้าร้อนทีมีคนถึงวันละ 6000 คน
พวกเราไป 25 เมษายน รอบทัวร์นึงก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 30 คน (อาจจะเกินด้วยนะ)
ถือว่าเป็นทัวร์ที่ได้ความตื่นตาตื่นใจในการตกแต่งที่สวยอลังการ
แต่การจะได้ชื่นชมอะไรอย่างสงบ และใกล้ชิด คงเป็นไปไม่ได้ค่ะ
และคงปฏิเสธไม่ได้ที่ทำให้ชื่อนี้ติดหู และเป็นที่น่าจดจำก็เพราะ Neuschwanstein เป็นต้นแบบปราสาทในเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่ ดิสนีย์แลนด์ นั่นเองค่ะ
การเข้าชม Neuschwanstein
การเข้าชมจะเป็นทัวร์หมู่ (ประมาณ 30 คนหรือมากกว่า) ซึ่งแอดมินถือว่าเยอะและแออัดมากๆ
แต่จะมี Audio guide ให้เราฟัง ส่วนไกด์แค่เดินพาไปแต่ละห้องเฉยๆค่ะ แต่ที่น่าประทับใจคือ มีเสียงภาษาไทยด้วยนะ
ซึ่งไกด์จะพาเราเข้าไปตามห้องต่างๆที่ชั้น 3 และ 4 ซึ่งเป็นที่พักของ King Ludwig II ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ส่วนชั้น 2 ที่ไม่เคยสร้างเสร็จเลย ทุกวันนี้ก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร และ ห้องมัลติมีเดีย
พวกเราใช้เวลาทั้งหมดนับจากแสกนบัตรผ่านเข้ามาจนกระทั่งเปิดประตูออกไป รวมแล้วก็ 1 ชั่วโมง 10 นาที รวมเวลาเข้าห้องน้ำ พักผ่อน เก็บรายละเอียดจนหนำใจ
ใช้ 14-Days ticket เข้า Neuschwanstein ได้ แต่เข้า Hohenschwangau ไม่ได้
Hohenschwangau เป็นของเอกชนนะคะ ไม่ใช่สมบัติของรัฐบาลบาวาเรีย เพราะ
ปี1923 รัฐบาลบาวาเรียยอมให้อดีตราชวงศ์ (Crown Prince Rupprecht of Bavaria) เข้ามาอาศัยอยู่ (1933-1939) ใช้เป็นที่พักผ่อนของครอบครัว
ตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ตัวปราสาทก็ได้รับความเสียหายด้วย ไม่รู้ว่าจะมาทิ้งระเบิดตรงนี้ทำไมนะ คนก็ไม่ค่อยมี
แต่ Neuschwanstein ถือว่าเป็นสมบัติของรัฐบาลบาวาเรีย ด้วยเหตุนี้ตั๋ว 14-days ticket จึงใช้กับ Hohenschwangau ไม่ได้ค่ะ
สรุปความประทับใจ
คงไม่ต้องเชิญชวนอะไรมากค่ะ สำหรับ Neuschwanstein ต้องยกให้เป็นปราสาทยอดฮิตที่สมศักดิ์ศรีจริงๆค่ะ
แม้ว่าจะรู้สึกว่าคนเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกวุ่นวาย ไม่สะดวกอะไรค่ะ แต่อย่าลืมมาให้เช้าๆหน่อยนะคะ เช้ามากเท่าไหร่ยิ่งดีเพราะ
1. ถ่ายรูปไม่ย้อนแสง
2. มีเวลาเดินรอบๆเยอะ เช่น ทะเลสาบ (สวยมากค่ะ) รวมถึง Hohenschwangau (ถ้าเข้า)
3. เวลาในการรอรอบทัวร์นานมาก มากกว่า 2 ชั่วโมง เช่น ถ้ามาเที่ยง อาจได้เข้า บ่าย 2
4. มีจุดชมวิวปราสาทเต็มๆที่สะพาน Queen Mary’s Bridge (Marienbrucke) ซึ่งเข้าฟรี ห้ามพลาดอีกเช่นกัน แต่ตอนพวกเราไป “ปิดซ่อม” อยู่ค่ะ ฮือๆๆ…
จบการเที่ยวสำหรับวันนี้ จริงๆตั้งใจจะไปเดินเที่ยวฟุสเซนต่อ แต่เพราะสเน่ห์ของปราสาทมันดึงดูดมาก พื้นที่รอบๆก็มีอะไรให้ชมเยอะ อีกอย่างคือกว่าจะมาถึงก็สายแล้ว
กว่าจะออกจากปราสาทก็ 6 โมงเย็น ถ้าไปเดินในเมืองฟุสเซนอีก คงต้องเดินกลับแน่ เพราะรอบรถบัสมีแค่ถึงเย็น รอบดึกๆไม่มีนะ ก็เลยกลับห้องไปพักผ่อนดีกว่าค่ะ
สรุปตั๋วที่ใช้เที่ยว Neuschwanstein Castle
– RVO Bus Day Ticket 19.6 ยูโร (2 คน) ซึ่งจริงๆแล้วซื้อตั๋วเที่ยวเดียวจาก Oberammergau มา Schwangau ก็ได้ ถูกกว่าค่ะ ถือว่าครั้งนี้พวกเราพลาดไปค่ะ
– ที่บ้านพักมี guest card ให้ขึ้นบัสฟรีด้วย แต่ก่อนมาเราก็ไม่รู้ว่าที่นี่ก็ให้ด้วยก็เลยซื้อตั๋ววัน rvo
– ใช้ 14-days ticket เข้าวังลินเดอร์ฮอฟฟรี
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ