เล่าประวัติเยอรมนี ก่อนเที่ยว

 

เล่าประวัติเยอรมนี ก่อนเที่ยวเยอรมนี

ตอนที่แล้วพวกเรามาถึง Frankfurt Airport กันเรียบร้อยแล้วนะคะ  มาเยอรมนีทั้งทีถ้าได้รู้เรื่องประวัติเล็กๆน้อยๆก็สามารถเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวได้เยอะเลยนะคะ  ตอนนี้เลยอยาก เล่าประวัติเยอรมนี แบบเอาตามความเข้าใจเท่าที่มีนะคะ


 

ประเทศเยอรมนี เป็นประเทศใหม่ ที่ไม่ใหม่

ชื่อทางการจะเรียกว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี”   ปกติเราจะชินแต่คำว่า “เยอรมัน” ใช่มั้ยคะ

จริงๆแล้วถ้าจะพูดถึงประเทศ ต้องเรียกว่า “ประเทศเยอรมนี”

แต่ถ้าจะพูดถึงคนหรือภาษา ต้องเรียกว่า “ภาษาเยอรมัน” หรือ “คนเยอรมัน”

ที่บอกว่าใหม่เพราะ ชื่อ “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี” เพิ่งจะได้มาหลังสงครามโลกครั้งที่2 (ค.ศ.1946) นี้เองนะคะ  คิดดูว่า แค่ 70 ปี เท่านั้น (ปีนี้2016) ถ้าเป็นอายุคน ก็แค่เพิ่งจะถึงวัยเกษียณเท่านั้นเอง


 

ประเทศเยอรมนี เพิ่งเบญจเพศ!!!

จากเดิมที่คนที่นั่นเขาเรียกตัวเองว่า “Deutsches Reich”  ส่วนภาษาอังกฤษจะเรียกว่า “German Reich”

ที่ได้ชื่อว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี” ก็เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่2 เยอรมนีแพ้สงคราม อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส ก็เข้ามาร่วมกันปกครองในฝั่งตะวันตกของเยอรมนี ซึ่งจะมีหลายแคว้นมากนะคะ  เขาก็เลยเรียกรวมๆกันว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี”

ส่วนฝั่งตะวันออกของเยอรมนี ก็จะเป็นของสหภาพโซเวียตปกครองไป

สำหรับเบอร์ลินที่อยู่ในเขตของฝั่งตะวันออก ที่กลายเป็นไข่แดง ก็ถูกแบ่งครึ่งด้วย

ซึ่งดินแดนทั้งสอง ถูกล้อมด้วย “กำแพงเบอร์ลิน” นั่นเองค่ะ

แต่สุดท้ายในปี ค.ศ.1990 ก็ได้มีการทำลายกำแพงเบอร์ลินอย่างเป็นทางการ

และถือว่า ประเทศเยอรมนี มีอำนาจอธิปไตยสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1991

(ปีนี้ ค.ศ.2016) แสดงว่าเขาเพิ่งจะเริ่มฟ้าใหม่แค่ 25 ปี เท่านั้นเองหรอ !!!

ก็เลยเป็นเหตุผลที่พวกเราเรียกว่า “เยอรมนีเป็นประเทศใหม่”


 

เยอรมนีเป็นประเทศเก่า

แต่ที่บอกว่าไม่ใหม่ตอนต้นก็เพราะว่า จริงๆแล้วชาวเยอรมัน มีรากเหง้าที่ลึกซะจนขุดหาปลายแทบไม่ได้  มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแสนนาน ตั้งแต่ยุคโรมันมาแล้วค่ะ


ถ้าจะอ่านแบบสรุปแบบนักวิชาการ(จอมปลอมอย่างแอดมิน) ก็คลิ๊กเข้าไปที่ ประวัติเยอรมนี  สำหรับคนไม่ค่อยชอบอ่านยาวๆก็ไปที่ สรุปประวัติเยอรมนี

บทความนี้ขอ เล่าประวัติเยอรมนี แบบรวบรัดนะคะ


 

เยอรมนีไม่ได้เป็นประเทศที่เกิดขึ้นใหม่

ต้องย้อนไปถึงสมัยโรมันเรืองอำนาจกันเลยนะคะ

ถ้าพูดถึงโรมัน (จริงๆชื่อทางการคือ สาธารณรัฐโรมัน) ก็จะเริ่มประมาณ 500 กว่าปี ก่อนคริสตกาล  ตอนนั้นถือว่าเป็นชนที่มีอารยธรรมสูงที่สุด เป็นศูนย์กลางของโลกเลยทีเดียว

กระทั่งผ่านมา 400 กว่าปี (ประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล) ตอนนั้นมีชนเยอรมานิก(อยู่ทางตอนบนๆ) ซึ่งชาวโรมันจะเรียกคนพวกนี้ว่า “คนเถื่อน”  “ไร้อารยธรรม”   เริ่มค่อยๆคืบคลานเข้ามารุกราน แทรกซึม พื้นที่ของชาวโรมัน(อยู่ตอนล่างๆ)ทีละน้อย

แต่ไปไปมามา “คนเถื่อน” นี่แหล่ะ ที่เข้ามายึดพื้นที่ชาวโรมันได้ แต่ก็ใช้เวลานานหลายชั่วอายุคนนะคะ นานเป็นพันปี

จนกระทั่ง คำว่า “คนเถื่อน” ที่เคยถูกกล่าวหา กลายเป็น “คนศิวิไลซ์” ที่ทั้งโลกต้องยอมสยบแทบเท้า แม้กระทั่งอาณาจักรโรมัน ยังต้องล่มสลายลง


ประวัติเยอรมัน-1
แผนที่การขยายอาณาเขตของชนชาติเยอรมัน

จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

โดยพวกที่เคยถูกเรียกว่า “คนเถื่อน” ได้ตั้งจักรวรรดิของตนเองขึ้นมาใหม่เรียกว่า “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” หรือ “Holy Roman Empire”  ในปีค.ศ.962

แม้จะมีคำว่า ”โรมัน” แต่จริงๆแล้ว ก็ไม่ได้มีการสืบเชื้อสายอะไรกันมาเลย

แต่อย่าลืมว่าชนเยอรมานิก ก็ไม่ใช่คนกลุ่มเล็กๆนะคะ  เขาก็มีกลุ่มย่อยๆของเขาอีกเยอะแยะ  เหมือนชาวเอเซีย ก็มีหลายแบบ หลายภาษา ใช่มั้ยคะ  ขนาดคนจีนยังมีทั้ง กวางตุ้ง แต้จิ๋ว ไหหลำ ฯลฯ

แต่ละกลุ่มก็เข้ามาตั้งรกรากเป็นชุมชนของกลุ่มตัวเอง กลายเป็นรัฐอิสระต่างๆ  ถ้าที่ใหญ่ๆที่เรารู้จักก็คือ “แฟรงค์” หรือฝรั่งเศส นั่นเอง


 

จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์

รัฐอิสระแต่ละที่ ก็จะมีกษัตริย์  หรือมีจักรพรรดิ  มีการปกครองในรูปแบบที่เป็นของตัวเอง

แต่แผ่นดินโดยรวมจะเข้มแข็งได้  ก็ต้องอยู่รวมกันเป็นปึกแผ่นได้ใช่มั้ยคะ  พื้นที่มันใหญ่มากนะ กินอาณาเขตประมาณเกือบทั้งทวีปยุโรปเลย  ฉะนั้นเขาก็เลยต้องมีจักรพรรดิใหญ่ เป็นประมุขของจักรพรรดิ และกษัตริย์ของแต่ละรัฐอีกที

จริงๆเขาเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Holy Roman Emperor”  หรือ “จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์”

โดยจักรพรรดิใหญ่ที่ว่านี้ ก็จะถูกเลือกขึ้นมา เหมือนเลือกตั้ง ไม่ได้สืบเชื้อสายพ่อสู่ลูกนะ ดังนั้นจักรพรรดิใหญ่นี้ก็จะมีการผลัดเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ

ซึ่งเบื้องต้น คนที่ได้รับการเลือกตั้ง ก็จะขึ้นเป็น “กษัตริย์แห่งเยอรมัน” ก่อน (ตามความเข้าใจ ก็คือเป็นประมุขของชนเยอรมานิกทั้งหมด)  แล้วก็ค่อยได้รับการสวมมงกุฏจากพระสันตะปาปา ถึงจะเรียกได้ว่าเป็น “จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์”

แต่สำหรับจักรพรรดิ หรือ กษัตริย์ของแต่ละรัฐ  ก็ยังคงสืบเชื้อสายพ่อสู่ลูกอยู่ดีนะ

และแต่ละที่ ก็จะมีการแต่งงานข้ามกันไปข้ามกันมา  บางยุคก็รวมอาณาจักรกันบ้าง


 

จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เสื่อมถอย 

แต่ความจริงของโลกคือทุกอย่าง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

จนกระทั่งเข้าสู่ ยุคปฏิรูปศาสนา ทำไมต้องปฏิรูป ก็เพราะสถาบันศาสนาเริ่มไม่ขลัง ฝ่ายศาสนาก็เลยต้องสำแดงอำนาจสิคะ

จนต่อมาในปี ค.ศ.1122  “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์”  ก็เริ่มเสื่อมถอยลง แต่ก็ยังพยุงไปได้

ตั้งแต่ ค.ศ.1273  ยังมีการผลัดกันเป็นกษัตริย์แห่งเยอรมัน  ในสามตระกูล ได้แก่ ตระกูลฮับส์บูร์ก (Habsburg)   ตระกูลลักแซมเบิร์ก(Luxembourg)   และตระกูลวิตเตลสบาค(Wittelsbach)

(คนที่ได้เป็น “กษัตริย์แห่งเยอรมัน”  หมายความว่า ก็จะได้เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย)

แต่ช่วงหลังๆ ตระกูลฮับส์บูร์ก ได้ยึดครองตำแหน่งนี้ ให้สืบในตระกูลของตัวเอง (เพราะใหญ่สุด ไม่มีใครกล้าหือ)


 

จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย

ต่อมาประมาณศตวรรษที่ 18  ในยุคของ “นโปเลียนแห่งฝรั่งเศส” เรืองอำนาจมาก  คิดดูว่าเขารบชนะรัฐต่างๆ แล้วยึดครองดินแดนไปได้เกือบทั้งยุโรปเลย

ในช่วงนั้นผู้ที่เป็น จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์  ชื่อว่า ฟรานซ์ที่2 แห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์กของออสเตรีย ต้องจำใจยกลูกสาวให้แต่งงานกับนโปเลียน

แต่จักรพรรดิฟรานซ์ที่2  รู้ว่านโปเลียน ก็ยังต้องการตำแหน่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วย  ก็เลยชิงประกาศยกเลิกตำแหน่ง “จักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” นี้  แล้วเปลี่ยนสถานะของตัวเอง เหลือแค่จักรพรรดิแห่งออสเตรีย ชื่อก็เปลี่ยนเป็น ฟรานซ์ที่1

(งงกับชื่อจริงๆ ชื่อก็ซ้ำ เบอร์ก็เปลี่ยน)

จุดนี้ถือเป็นการล่มสลายของ “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” ในปี ค.ศ.1806

แต่ยังไงนโปเลียนก็ยังมีอำนาจอยู่นะ  แล้วก็ตั้งชื่อดินแดนแถวๆนั้นว่า “สมาพันธรัฐแห่งไรน์”

แต่ไม่ถึง 10 ปี “สมาพันธรัฐแห่งไรน์”  ก็ล่มสลายลงไปอีก พร้อมๆกับจุดจบของนโปเลียน


 

จักรวรรดิเยอรมนี

ชื่อประเทศล่ม แต่ประชาชนก็ยังอยู่ใช่มั้ยคะ หลังจากจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ล่มสลาย ก็มีอาณาจักรที่กล้าแข็งขึ้นมา ทั้งทางเศรษฐกิจและกำลัง ก็คือ “อาณาจักรปรัสเซีย” 

อาณาจักรปรัสเซีย (อยู่แถวๆเยอรมนีตะวันออก)ได้รวบรวมแคว้นต่างๆที่เหลือของเยอรมนีทั้งหมด (ที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับออสเตรีย) รวมเป็น “จักรวรรดิเยอรมนี”  ขึ้นมาในปี ค.ศ.1871

หลังจากนั้นก็เกิดสงครามโลกครั้งที่1 ,  สงครามโลกครั้งที่2 และ สงครามเย็น  ช่วงนี้คงรู้ๆกันอยู่แล้วนะคะ

จนสุดท้าย ประเทศเยอรมนี ก็เหมือนได้เกิดใหม่ เพิ่งจะได้อำนาจอธิปไตยสมบูรณ์ ในปีค.ศ.1991  ชื่อทางการ สุดท้ายตอนนี้ก็คือ  “สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี”   


 

จริงๆแล้วที่พวกเราสองคนสนใจมาเที่ยวเส้นทางนี้ ก็เพราะได้ยินกิตติศักดิ์อันโด่งดังว่า สวยดั่งสวรรค์  พอมาศึกษาประวัติควบคู่ไปด้วยแล้วก็  นึกถึงญี่ปุ่นที่รักของพวกเราเลย

เส้นทางเที่ยวของพวกเรา จริงๆแล้วยังไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด ยังเหลือเยอรมนีตะวันออก เอาไว้ทริปหน้าแล้วกันค่ะ


 

 วิดีโอ เล่าประวัติเยอรมนี ก่อนเที่ยวเยอรมนี : Germany-Austria Travel Vlog Ep12 

 


รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1


 

 

 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


One thought on “เล่าประวัติเยอรมนี ก่อนเที่ยว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.