โตเกียว13

โตเกียว13

 

2 เมษายน 2556 วันที่เก้าของการเดินทาง

Kamakura – Hase – Enoshima – Ofuna – Ishikawacho


เที่ยวโตเกียว-309
จากโตเกียว ไป Yokohama , Kamakura , Enoshima , Ofuna

 

เที่ยวโตเกียว-310
Ofuna –> Kamakura –> Hase –> Enoshima –> Ofuna

 

การเดินทางวันนี้  ไม่ได้เจาะจง  หรืออยากไปอะไรเป็นพิเศษ

แค่ไปเพราะเป็นสถานที่ ที่คนอื่นๆเขาไปกัน  ไปเพื่อจะได้รู้ว่าคนอื่นเขาไปเห็นอะไร

เพราะอย่างที่บอกคือ  ไม่ได้ชอบเที่ยววัด ไปให้ครบเควสก็พอ


วันนี้ตื่นแต่เช้า  ตี 4 ครึ่ง  กว่าจะเตรียมตัวเสร็จ ก็ออกจากที่พัก 6 โมงเช้า

เติมพลังด้วยข้าวหน้าไก่เทอริยากิ  ที่โยชิโนยะเจ้าเก่าข้างโรงแรม  อร่อยมาก  และคุ้มราคาจริงๆ


แต่ฝนตกปรอยๆ  ทำให้อากาศหนาวกว่าเดิมมาก  ขาที่เจ็บก็ยังเจ็บขึ้นเรื่อยๆ

นึกย้อนดูแล้ว  รู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่ฝืนตัวเอง  งกเวลาขนาดนั้น

ถ้าวันนั้นเห็นฝนตก  น่าจะกลับขึ้นไปนอนพัก

หรือเปลี่ยนโปรแกรมให้วันนี้เป็นวันพักผ่อน  เที่ยวใกล้ๆ


แต่ในอารมณ์ตอนนั้นมันงกเวลา  ทุกวินาที ทุกๆวันมีค่า ไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากันได้บ่อยๆ

โปรแกรมที่จัดไว้ ก็แน่นซะจนสองแถวระแวกบ้านยังต้องอาย

แต่เอาเข้าจริงยังทำตามโปรแกรมได้ไม่ถึง 50% เลย


เริ่มต้นการเดินทางโดยเดินจากโรงแรม ไปยังสถานี Bakurocho

เจ็บเท้า แต่ใจสู้  ค่อยๆกระย่องกระแย่งไป  จากแผนที่ JR

เที่ยวโตเกียว-272

เรานั่งสาย Yokosuka Line Sobu Line (Rapid-Service)

สายสีน้ำเงินเข้ม  ต่อเดียวถึง Kamakura 

ไม่ต้องเปลี่ยนสายใดๆ   แต่ฝนก็ยังตกปรอยๆเหมือนเดิม


เที่ยวโตเกียว-273

เดินฝ่าฝนไปเรื่อยๆ  ตามทางที่ปริ๊นแผนที่มา

หาเสาสีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้าญี่ปุ่น

แทบจะไม่มีคนเลย  ร้านค้าต่างๆก็ยังไม่เปิด


เที่ยวโตเกียว-274

ดอกซากุระที่บานเต็มที่  ก็เริ่มร่วงโรยมาตามสายฝน  โปรยเต็มพื้น

เริ่มมีใบสีเขียวแทรกโผล่ขึ้นมาแล้ว   ก็ดูสวยไปอีกแบบ

เดินจนมาถึง ศาลเจ้า Tsurugaoka Hachiman-gu Shrine


เที่ยวโตเกียว-275

ก็ไม่รู้เขามาดูอะไรกันนะ  ไม่ค่อยอินเลย  คงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แหละ

เพราะมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเป็นกลุ่มๆด้วย  ฝนตกตลอดทาง


เที่ยวโตเกียว-276

เราขึ้นไปเดินผ่านๆ  รอบนึงแล้วก็รีบออกมา  ย้อนกลับไปทางเดิม

คิดในใจว่า  เราจะถ่อสังขารเดินมาตั้งไกลทำไมเนี่ยะ

เที่ยวโตเกียว-277

เที่ยวโตเกียว-278


เที่ยวโตเกียว-279

กลับมาที่สถานี kamakura  เข้าห้าง Tokyu ดีกว่า  เพื่อหลบฝน และหลบหนาว

อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า   เราเป็นพวกโรคจิต  ชอบเดินดูซุปเปอร์มาเก็ต

ดูเฉยๆนะ  ไม่ซื้อ  แต่ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานทีเดียว

ใครเคยไปเกตเวย์แถวอโศก   ของหลายๆอย่างก็คล้ายที่นี่แหละ  แต่ที่ Gate way แพงกว่าอีกนะ

เที่ยวโตเกียว-280
อันนี้ถูกมากๆ ตีเป็นเงินไทย ประมาณ 15 บาท ของที่ถูกก็พวก ถั่วงอก เต้าหู้ เคยลองซื้อเต้าหู้มากินเปล่าๆ เอ้อ…อร่อยดีนะ

เที่ยวโตเกียว-281

เที่ยวโตเกียว-282

เที่ยวโตเกียว-283

ไปต่อกันที่ สถานี Hase เพื่อไปเข้า Daibutsu หรือที่เขาเรียกว่าวัดพระใหญ่

แต่เราเรียกวัดหลวงพ่อโต   เสียค่าเข้านิดหน่อย 200 เยนมั๊ง

ฝรั่งเต็มเลย  รถทัวร์ก็วิ่งเข้าวิ่งออกกันตรึม


เที่ยวโตเกียว-284

ฝนก็ยังตกเหมือนเดิม  ถ่ายรูปไป กล้องเปียกไป กล้องถูกไม่เสียดาย  แต่เสียดายเวลา

เรามาทำอะไรกันที่นี่เนี่ยะ  เข้าไปเจอพระองค์ใหญ่  ถูกขังอยู่ในรั้ว

มองจากด้านนอกไม่เห็น  เหมือนชวนให้นักท่องเที่ยวสงสัยอยากรู้  เสียเงินเข้าไปดู


เที่ยวโตเกียว-285
อย่าเผลอไปกินน้ำเชียวนะ

ปรากฏว่าก็มีแต่พระ  ในตัวพระยังมีให้ลอดเข้าไปได้ด้วย   เสียแค่ 10 เยนมั๊ง

แต่เราไม่อินเลย  รู้แต่ว่าพระองค์นี้มีประวัติอันยาวนานเป็นพันปีแล้ว

แต่เราไม่ได้อินกับเรื่องนี้เลยรู้สึกเฉยๆ  รีบออกไปต่อ

 

เที่ยวโตเกียว-286
Daibutsu
เที่ยวโตเกียว-287
เข้าไปข้างในตัวพระได้ด้วยนะ คนละ 10 เยน

เที่ยวโตเกียว-300
ไม่ได้เข้าชม แต่มาเห็นทีหลังตอนนั่งรถไฟห้อย ที่มีรางอยู่ข้างบนหลังคาน่ะ

อีกวัดหนึ่งใกล้ๆ ในไกด์บุ๊คแนะนำ ว่าสวยงั้นสวยงี้ (Great Kannon)

เป็นเจ้าแม่กวนอิมขนาดมหึมาทีเดียว  แต่เราไม่อินกับความสวยของวัดเลย

อาจเป็นเพราะ ทั้งฝนตก ทั้งเจ็บเท้าด้วย

เที่ยวโตเกียว-289


เที่ยวโตเกียว-288
เส้นทางหนี Tsunami

ทีแรกคิดว่าตัวเองเป็นพวกมารศาสนาสุดๆ  แต่จริงๆไม่ใช่นะ

เราไม่ได้ทำบาปตัดเสียพระขาย ไม่ได้ทำกิริยาไร้มารยาทกับพระพุทธรูป

แต่ศรัทธากับหลักความเป็นจริง  หลักคำสอนที่สามารถใช้กับตัวเองได้

ไม่ได้ยกย่องบูชาพระพุทธรูป  ดูก็แค่สวย ใหญ่  มีประวัติเท่านั้นเอง

ไม่ผิดใช่มั้ย  เอาเป็นว่า ที่แบบนี้ไม่ใช่สเป๊คแล้วกัน


เที่ยวโตเกียว-290
มาถึงเกาะ Enoshima แล้ว

นั่งรถไฟต่อไปลงสถานี Enoshima แล้วเดินข้ามสะพาน ต่อไปยังเกาะ Enoshima

การวางโปรแกรมเที่ยวที่นี่ ไม่มีอะไรมาก เหตุเพียงเพราะ อยากเห็นหาดทราย และทะเล ชายฝั่ง  ว่าจะสู้เมืองไทยได้มั้ย


เที่ยวโตเกียว-292
หาดทรายที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาชม ไหงเป็นงี้ไปได้

แต่พอไปถึงจริง มองหน้ากัน แล้วถามว่า  เนี่ยะหรอหาดทรายเขาน่ะ

ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย ทรายทำไมมันดำจังล่ะ

มีคนเดินอยู่ 2 คน  เดินเลียบชายฝั่ง  เหมือนเป็นเหมืองถ่านหินมากกว่าชายหาดนะ


เที่ยวโตเกียว-291
ทางเดินไปเกาะ enoshima

มาผิดที่หรือเปล่า  หรือนี่มันหน้าหนาวทรายเลยดำ   แล้วก็เดินข้ามสะพานขึ้นเกาะ

ตั้งใจจะเดินขึ้นไปให้ถึงชั้นบนๆเลย  แหม…ไม่เจียมสังขารเอาซะเลย  เท้าก็เจ็บ แต่ใจสู้


เที่ยวโตเกียว-298
แผนที่ด้านบน มีอะไรให้เดินชมอีกเยอะเลย

แต่เอาเข้าจริง ไต่ไปถึงแค่ที่เขาขายตั๋ว เป็นบันไดเลื่อนขึ้นไป  ไม่ต้องเดิน

ข้างๆเป็นแผนที่  ไม่รู้เอามาขู่หรือเปล่า  เพราะมันทำให้รู้สึกว่า

โอ้โหว… อีกไกลขนาดนั้นเชียว   ดอยสุเทพยังอาย

มาสิมาใช้บริการบันไดเลื่อนเค้าดีกว่านะตะเอง  แค่ 350 เยนเท่านั้น


เที่ยวโตเกียว-296

รู้สึกว่ามันก็ถูกนะ  สำหรับชาวญี่ปุ่นน่ะ  แต่ตกคนละ ร้อยกว่าบาท

อย่าได้คิดว่าจะได้กินเงินในกระเป๋าเดี๊ยนเลยค่ะ

ฝนก็ตก ขาก็เจ็บ  แต่ถ้าขาไม่เจ็บ อาจจะลองเดินก็ได้


เที่ยวโตเกียว-297

เห็นแล้วเหนื่อย  ขึ้นไปก็ไม่ได้มีอะไรที่ถูกสเป๊คเราเลย

มีแต่พวกวัด  ประภาคาร (ดูจากไกด์บุ๊ค ไม่ได้ขึ้นไปจริงๆหรอก)

กว่าจะขึ้นจะลงมาอีก  คงใช้เวลาหลายชั่วโมง  ขึ้นแค่นี้ยังไม่ถึง 10%เลย


เที่ยวโตเกียว-294

ถ้าขืนเดินต่อไป คงต้องตัดขาแน่  ถ้ามาเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบนี้ เที่ยวเมืองไทยก็ได้

คิดดังนั้นแล้ว จ้ำย้อนกลับทางเดิมทันที

ถึงแม้ที่แห่งนี้ จะมีประวัติที่เล่าต่อๆกันมาคล้ายนิทาน ความเชื่อ

แต่เราก็ไม่ได้สนใจ  ไม่ใช่ของเขาไม่ดีนะ ของเขาน่ะดี แต่ตัวเราเองอ่ะไม่ดี (รู้ตัว)


เที่ยวโตเกียว-295

เพราะเหตุผลส่วนตัวคิดว่า  เป็นสตอรี่ที่แต่ละสถานที่เล่าขานกัน

เป็นเทพนิยายเกินความจริง  ถ้าไม่มีสตอรี่ ก็ขายไม่ได้  ยิ่งมีสตอรี่ คนยิ่งอิน

ที่พูดนี้ไม่ได้ต่อต้านอะไรเลย  และเห็นด้วยกับการท่องเที่ยวที่ต้องมีสตอรี่

ที่เรามาญี่ปุ่นก็เพราะสตอรี่ทั้งนั้น  ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ว่าจะชอบสตอรี่แบบไหน


สรุปแล้วเกาะแห่งนี้  รู้สึกดีได้อย่างเดียวคือ  ลมทะเล  กลิ่นเกลือ

ได้เห็นทะเล (ทำอย่างกับเกิดมาไม่เคยเห็นแน่ะ)

ส่วนเรื่องอาหาร อย่าได้พูดถึง  เหมือนไปหัวหิน  นั่งกินแป๊ะซะ ถาดละ 500 บาท


ไปพัทยา  ส้มตำจานละ 100  จะบ้าหรอ   อาหารบ้าอะไร แพงขนาดนี้

ขั้นต่ำก็ 1000 – 2000 เยน  แถมเป็นอาหารทะเล

ปลาที่เห็นอยู่ทุกร้านคือ ปลาข้าวสาร ที่เรากินกันนี่แหละ

ทะเลก็อยู่ใกล้แค่นี้  ทำไมแพงกว่าในเมืองตั้งเยอะ

ขอกลับมากินของไทยดีกว่า   เห็นแล้วกินอะไรไม่ลง


แต่อีกนั่นแหละ  นักท่องเที่ยวที่เห็นส่วนใหญ่  คือคนญี่ปุ่นอีกแล้วง่ะ

ต่อแถวกันเข้าร้านด้วย  ขนาดต้องรอคิว หิ้วท้องก็ยอมอ่ะ  ทำไมๆๆ

อย่างถ้าเราไปพัทยา  หัวหิน  มีร้านอาหารแพงๆ  เราก็ไม่ได้สงสัยอะไร  เพราะเขาขายฝรั่ง

แต่ที่นี่คนญี่ปุ่นกิน ญี่ปุ่นใช้ทั้งนั้นเลย แถมต่อแถวยาวเหยียดอีก  งงอ่ะ


เที่ยวโตเกียว-293
เห็นมีคนไล่น้ำตลอดเลย มิน่าทำไมน้ำไม่ขัง

ขออภัยน้าา…ที่รีวิวแบบไม่ประทับใจไปหน่อย

ก็ตอนนั้นมันเจ็บเท้ามาก  แล้วฝนก็ตกด้วย  เลยไม่มีอารมณ์จะเดินแล้ว

ถ้าไม่เจ็บเท้า ฝนไม่ตกก็อาจสนุกกว่านี้ก็ได้


เที่ยวโตเกียว-299
ไม่มีรางข้างใต้นะ แต่มีรางข้างบน เหมือน เคเบิ้ลคาร์ เอ๊ะหรือเขาเรียกว่า cable train กันแน่นะ

เดินย้อนกลับทางเดิม  เพื่อไปขึ้น cable car  เป็นคล้ายถไฟโมโนเรล 

แต่แทนที่จะเป็นรางอยู่ใต้รถไฟ   แต่เป็นรางบนหลังคารถไฟ

คือเป็นรางข้างบนแล้วห้อยตู้รถไฟไว้  แล้วก็วิ่งไป

คือเรื่องของเรื่อง  คืออยากลองนั่งไอ้เจ้า cable car เท่านั้นเอง


จะนั่งกลับไปทางเก่า ผ่าน kamakura ก็ได้ ถูกกว่าด้วย

แต่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ  จึงตัดสินใจลองนั่งเจ้า  cable car นี้

ซึ่งสถานีเจ้าเคเบิ้ลคานี้ ก็อยู่ด้านหลังของสถานี Enoshima ไม่ห่างกันเท่าไหร่


สนุกไปอีกแบบ  เห็นบ้านเรือนเหมือนในการ์ตูนเลย 

ไม่เหมือนสิงคโปร์ที่ดูแล้วไม่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เลย

ที่เหมือนมีเทพเจ้ากำลังใช้ทรัพยากร เล่น sim city ยังไงยังงั้น

แต่ที่ญี่ปุ่นมีชีวิตชีวากว่าเยอะเลย


ระหว่างทางที่นั่ง Cable car  ซึ่งวิ่งเร็วมาก  ทางโค้ง รถไฟก็จะถูกเหวี่ยงเอียงตาม

แต่ไม่หวาดเสียว  จำได้ว่ามันสนุกตื่นตาตื่นใจดี

แต่ต้องนั่งโมโนเรลนี้ไปถึงได้แค่สถานี Fujusawa แล้วค่อยต่อJR ไปสถานี Ofuna อีกที


เที่ยวโตเกียว-301
ร้านราเมง

เราเดินเล่น เที่ยวชมเมือง  เจอร้านราเม็ง  ซึ่งก็เล็งไว้ว่าอยากกิน ราเม็งของญี่ปุ่นดูสักครั้ง

จริงๆไม่ได้ชอบกินราเม็งหรอก   แต่อยากลองแค่นั้นเอง ร้านชื่ออะไรไม่รู้  ขึ้นต้นด้วยตัวกลมๆ

อ่านออกอย่างเดียว 390 เยน  เลยลองดู เห็นว่าร้านนี้มีหลายสาขา

จริงๆมาสังเกตุทีหลัง  อยู่ใกล้ที่พักเราก็มี

โธ่…ถ่อสังขารไปถึง Ofuna เพื่อไปกินราเม็ง   แต่ตอนนั้นมันก็หิวด้วย


เข้าไปนึกว่าจะเป็นแบบหยอดเหรียญ  แต่ดันเป็นสั่งกับพนักงาน

พนักงานมาถึงก็พ่นใหญ่เลย   เราก็เอ่อ…ขออิงลิชเมนูได้มั้ย

แต่ไม่มี  เลยต้องดูแต่รูป เมนูอ่านไม่ออกเลย   เห็นแต่รูปกับราคา   ก็จิ้มๆสั่งไป


เที่ยวโตเกียว-302

ระหว่างนั่งรอ   มีคุณลุงผอมๆ  และคุณป้าอวบๆ   นั่งข้างๆ

ก็ยิ้มใส่กันเป็นการทักทาย  ลุงท่าทางเมาๆ  ก็พูดอะไรไม่รู้ใส่ใหญ่เลย


เราก็แกล้งพูดเป็นภาษาไทย  ว่าฟังไม่รู้เรื่องจ้าลุงจ๋า

ลุงก็ยังพ่นๆๆ   อะไรมาไม่รู้  เรายิ้มลูกเดียว

เราก็ถามเป็นภาษาอังกฤษไป  แต่ลุงก็ฟังไม่ออก

คุณป้าก็พยายามจะห้าม  ไม่ให้เมาใส่เรา

ประมาณว่า พอเถอะแก อย่าไปรบกวนหนูๆเขา

แต่เราก็พูดอังกฤษไป  เขาก็พูดญี่ปุ่นกลับมา  พูดกันไปกันมา  ก็ยิ้มใส่กัน

รู้เรื่องได้ไงไม่รู้  แต่เขารู้จักเมืองไทยด้วยล่ะ


เที่ยวโตเกียว-303

พอเห็นราเม็งที่สั่งมา  ลมแทบใส่  เพราะมันชามใหญ่เกินพิกัด

เราเลยหยิบเมนูมาดู ว่ามันมีหลายขนาด แล้วดันเผลอสั่งขนาดใหญ่พิเศษมาหรือเปล่า

แต่ก็มีขนาดเดียว  คิดในใจว่า   อาจเป็นคล้ายๆเวลาสั่งก๋วยเตี๋ยวที่เมืองไทย

ไม่ได้พูดว่าพิเศษเลย  แต่ให้พิเศษมาประจำ

จนต้องพูดกำกับราคาไว้ด้วยว่าจะเอา 35 หรือ 40บาท อะไรทำนองนี้ป่าว


เที่ยวโตเกียว-304

ตายล่ะสิ ชามละเท่าไหร่ฟระนี่   แล้วจะกินหมดมั้ย

ในด้านรสชาติ  ด้วยลิ้นจรเข้อย่างเรา   รู้สึกแต่ว่าน้ำซุปมันเข้มข้นอร่อยมาก

แต่น้ำมันเยิ้มเชียว เค็มอีกต่างหาก   ส่วนเรื่องเส้น นุ่มดี แต่ไม่ชอบ

นอกนั้นก็มีแต่ถั่วงอก  กับต้นหอมนิดหน่อย  มีหมู (เรียกชาชูหรือเปล่านะ)  นุ่มดีเหมือนกัน


เที่ยวโตเกียว-306

แต่โดยรวมก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจ เหมือนอาหารอย่างอื่นๆ เช่นซูชิ หรือแกงกะหรี่

ถ้าจะให้คะแนนความชอบราเม็งเต็มสิบ  ขอให้แค่ 5/10แล้วกัน

ปริมาณมันเยอะ จนกินไม่หมดด้วย  เลยโอนให้คุณสามีกินครึ่งนึง

พอกินเสร็จแทบจะอ้วกกันเลย  เดินแรงๆไม่ได้  มันจะออก

เที่ยวโตเกียว-305

เกี๊ยวซ่าสั่งมาเพิ่ม  ก็อร่อยใช้ได้  แต่ไม่ได้รู้สึกอร่อยกว่าโออิชิเลย  จริงๆโออิชิอร่อยกว่าอีก


เดินเข้า Lawson มีร้าน 100 เยน ด้วย  เดินเข้าไปได้อยู่ตั้งนาน

คิดโทษตัวเองว่าไปเที่ยวญี่ปุ่น  ไปเสียเวลากับซุปเปอร์มาเก็ตซะครึ่งนึง  โรคจิตที่อยากหาของถูก


เที่ยวโตเกียว-307

จากนั้น ก็เดินทางต่อไปย่าน Yokohama 

แต่ลงสถานีชื่อ Ishikawacho เพื่อไปไชน่าทาวน์

ไม่ได้หวังอะไรมากกับที่นี่  และฝนก็ยังคงตกอยู่

ลงรถไฟออกมา  เจอซุปเปอร์มาเก็ตอีกแล้ว  เสร็จเราอีก

เฮ้อ…กลุ้มใจกับโรคติดซุปเปอร์มาร์เก็ต


เที่ยวโตเกียว-308

กว่าจะเดินไปถึงไชน่าทาวน์ ก็เริ่มจะมืดแล้ว  เดินไปไกลพอสมควร

ไม่รู้ว่าไปทางไหนหรอก  แต่เดินตามเสาสีแดง  ที่เป็นสัญลักษณ์ของจีนๆ

ก็จะรู้ได้เอง ว่าต้องเดินไปทางไหน  ไปถึงแล้วก็ไม่ผิดหวังเลย

เพราะไม่ได้หวัง  เพราะมีแต่ภัตตาคาร   ร้านอาหารแพงๆ

บรรยากาศไชน่าทาวน์ที่สิงคโปร์ทำได้ดีกว่า   เดินสนุกกว่า   มีของขายเยอะกว่า


ตั้งแต่มาไชน่าทาวน์ ฝนเริ่มตกหนักขึ้นนิดนึง  ลมแรงด้วย  หนาวอีก

ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปอะไรแล้ว  เดินไปเดินมา เจอร้าน  lawson 100 เยนอีกแระ

แต่ไม่ใช่ Daiso  ของที่ขาย น่าจะเป็นของที่ผลิตจากจีน และเกาหลี

แต่ยังไงก็ดีกว่าซื้อที่ daiso ไทยละกัน 60 บาทแน่ะ   จึงเสียเวลาที่นี่อีกนาน


ขากลับไปสถานีรถไฟฟ้า  เกิดหลงทางซะงั้น  จำทางกลับไม่ได้

เดินมาทั้งวัน เจ็บเท้า  เริ่มออกอาการหงุดหงิด  งอแง งอนคนนำทางซะเฉยเลย

แต่ในที่สุดก็คลำหาทางกลับจนได้


จบวันนี้กลับโรงแรม  ด้วยความเซ็งเพราะฝนตกทั้งวัน  ความเจ็บเท้ามากขึ้น

คิดในใจว่า วันนี้เราไม่น่าถ่อสังขารออกไปเลย   เก็บตัวรักษาเท้าดีกว่า


แต่ที่ได้ และรู้สึกชอบอยู่  ก็น่าจะเป็น บริเวณบ้านเรือน ที่ดูเป็นสไตล์อนุรักษ์

ยังคงความเป็นญี่ปุ่นได้ดี   ถนนหนทางที่สะอาด

แม้ว่าฝนตกทั้งวัน ก็ไม่เคยเดินไปเจอน้ำท่วมขังตรงไหนเลย

คิดว่าถ้ามาแบบฝนไม่ตกก็คงสวย  อารมณ์ดี และประทับใจมากกว่านี้ (ถ้าเท้าไม่เจ็บด้วย)


รีบกลับมาถึงโรงแรม  ตอนประมาณ 3 ทุ่ม  เพราะต้องซักผ้า

ห้องซักผ้าจะปิดตอน 4 ทุ่ม  เตรียมการซัก  ด้วยการยัดสิ่งที่จะซักเข้าไป  มีผงซักฟอกให้

หยอดเหรียญครั้งละ 200 เยน   เราซักถุงเท้าในห้องน้ำก่อน  ส่วนเสื้อกับกางเกงก็ใส่ถังปั่นไป


แต่ไอ้ตอนปั่นแห้งนี่สิ  มันเหนือความคาดหมายของคนเมืองร้อนอย่างเรา

เพราะนึกว่าใส่ผ้าไปปั่นแห้งครั้งเดียว  มันจะแห้งออกมาพับเก็บได้เลย

ปั่นไป ครั้งแรก 100 เยน  ออกมา  เหมือนเอาผ้าไปต้มน้ำ ให้แค่ร้อนเฉยๆ


ก็เลยเอาใหม่  เอาผ้าออกเหลือแค่ครึ่งนึง  หยอดไป 100 เยน

ออกมา พอหมาดๆ แต่ก็ยังไม่แห้ง  ก็หยอดไปอีก 100 เยน  ก็ยังไม่แห้งอีก

อุบ๊ะ  อะไรวะ  ชักโมโหแล้ว  เลยเอามาตากทั้งหมาดๆในห้องนี่แหล่ะ


วันต่อมา ปรากฏว่ายังไม่แห้งอีก  ก็เลยเอา ไดร์เป่าผมนี่แหล่ะ

แล้วคัดเอาตัวที่หนาๆ ไปปั่นแห้งอีก  ตกลงเสียค่าปั่นแห้งไป เท่ากับซื้อกางเกงได้อีก 2 ตัวเลยนะเนี่ยะ

รู้งี้ไม่ซักดีกว่า  ใส่ซ้ำหลายๆรอบ หรือเอาตัวอื่นมาเพิ่มดีกว่า


แนะนำเลยว่าใครจะซัก  ก็ให้ซักแค่ไม่เกิน 5 ชิ้น  ถ้าเป็นกางเกงหนาๆ ยีนส์ ก็ได้แค่1-2 ตัวเท่านั้น

ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาว ฝนตก ฝันไปเลยว่าผ้าจะแห้ง  ทริปนี้ถ้าไม่มีเครื่องเป่าผม คงจะแย่แน่ๆ


สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

Family Mart    686 เยน

ขนมที่ ห้าง Tokyu Kamakura    747  เยน

ราเมง ที่ Ofuna   1240  เยน

ร้าน Lawson 100 yen ที่ ChinaTown Yokohama   1155  เยน

ค่าเข้า daibutsu 2คน  400 เยน

ซักผ้า  200 เยน

อบผ้า  300 เยน


รวมรีวิวเที่ยวโตเกียวทุกตอน

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.