ขอวีซ่าเชงเกน

เล่าประสบการณ์ ขอวีซ่าเชงเกน สถานทูตเยอรมนี 2559  (ไม่ได้ทำงานประจำ)

  1. ศึกษาข้อมูลทั้งหมดจาก เวปของสถานทูตเยอรมนี อย่างละเอียด
  2. เตรียมเอกสารตาม check list เอกสารขอวีซ่าเชงเกน ที่สถานทูตเยอรมนี
  3. นัดหมายวันเพื่อยื่นคำร้องขอวีซ๋า และสัมภาษณ์ 

ตอนแรกนัดยื่นคำร้องไว้เป็นวันที่ 28 ม.ค. 59  แต่รู้สึกว่ามันนานไป อยากรู้ผลให้มันจบๆ จะได้ไม่ต้องมากังวลว่าจะได้หรือไม่ได้ จะได้จองเครื่องบิน จองโรงแรม ซื้อของจริงๆซะที  ก็เลยเลื่อนมาเป็นวันที่ 22 ม.ค.  ซึ่งก็หมายถึงอีกแค่ 4 วันเท่านั้น

จากที่รู้สึกชิลๆ ก็เลยเริ่มกดดัน นึกเอกสารอะไรเพิ่มเติมได้ทีละอย่างสองอย่าง เดี๋ยวก็ขาดนั้น ขาดนี่ อยากเพิ่มอันนั้น เพิ่มเอกสารอะไรอีกทีละนิดจนวันสุดท้าย (แต่พอไปยื่นจริงเจ้าหน้าที่ก็คืนเอกสารพวกนั้นมาหมดอยู่ดี)

เราสองคนมุ่งสู่สถานทูตเยอรมนี ที่ถนนสาทรใต้แต่เช้าตรู่ อย่างกับจะไปสอบเอนทรานซ์

สถานทูตเยอรมนี
คือเขาห้ามถ่ายรูปน่ะค่ะ เลยเอามาแต่กำแพงตึกข้างๆ ก็พอเห็นกำแพงสีส้มปุ๊บ กำแพงขาวๆถัดไป ก็ถึงสถานทูตเยอรมนีแล้วค่ะ

แผนที่สถานทูตเยอรมนี

ดูจากแผนที่แล้ว เหมือนจะอยู่ในซอยใช่มั้ยคะ  จริงๆแล้วอยู่ติดถนนเลยค่ะ  ทางเข้าเป็นซอกเล็กๆ มีรปภ.ยืนอยู่

 

วันยื่นคำร้องขอวีซ่า และสัมภาษณ์

พวกเราคิดไว้เลยว่าคนน่าจะเยอะ น่าจะต้องไปก่อนเวลาเยอะๆหน่อยเผื่อรถติด แล้วก็ต้องถ่ายรูปอีก ใบนัดคือ 10.00-10.30 น. แต่ออกจากบ้าน 6.30น. ไปถึงสถานฑูตเยอรมัน ประมาณ 8 โมงนิดๆ ถึงเร็วกว่าที่คิดค่ะ  ไม่เป็นไรเอาหนังสือมาอ่าน ขนน้ำ ขนเสื้อกันหนาวไปเตรียมนั่งรอเต็มที่

สถานที่ตั้งของสถาทูตหาง่ายมากค่ะ เป็นรั้วคอนกรีตสีครีมๆ ติดกับกำแพงสีส้ม (คือเดินมาจากสี่แยก พอเห็นกำแพงสีส้มปุ๊บ ก็กำแพงถัดไปเลยค่ะ)  มีสัญลักษณ์นกอินทรีย์บนพื้นธงเยอรมันกลมๆ (ใหญ่มาก) ติดอยู่ที่กำแพง(สูงและทึบ) จะอยู่ก่อนถึง Q House  หน้าประตูมีรปภ.ยืนต้อนรับอยู่ คือเห็นง่ายมากค่ะ

แต่…พวกเราเดินเลยไปเฉยเลย  (นี่เมืองไทยนะ   ถ้าไปเที่ยวจริงๆจะเป็นยังไงเนี่ย)

 

หน้าประตูสถานทูตเยอรมนี

พอถึงหน้าประตู ก็มีรปภ.บอกให้ปิดโทรศัพท์ ให้ฝากโทรศัพท์ ถอดเข็มขัด ตรวจกระเป๋า และเราก็เดินผ่านเครื่องตรวจ (เหมือนด่านตรวจคนเข้าเมือง)

จากนั้นก็รับแผ่นป้ายเบอร์ฝากโทรศัพท์(ที่ใส่ในถุงซิปล็อคอย่างดี ใส่ในช่องอย่างเรียบร้อย)  รปภ.พูดจาดีทุกคน  ใจดี ไม่ได้ดุอะไร (อ่านเวปบอร์ดมากไปเลยเกร็ง)

 

เข้ามาด้านใน

พอเดินเข้ามาปุ๊บ  ภาพที่เคยจินตนาการไว้มันหายวับไปเลย  ณ วินาทีนั้น  ความรู้สึกตอนแรกคือ น่าจะเหมือนตอนไปขอวีซ่าญี่ปุ่น (หรู เย็น สวย เริ่ดอ่ะ) คือของญี่ปุ่น(ก่อนที่จะให้วีซ๋าฟรี)จะเป็นตัวแทนไงคะก็เลยอำนวยกันเต็มที่   แต่ที่นี่เป็นสถานทูตเยอรมนีโดยตรง ก็เลย….ต่างจากที่คิดไว้มากเลย

คนไม่เคยไปอาจสงสัยว่ามันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ  ไม่นะคะ มันไม่ได้แย่อะไร  แต่พอเดินเข้าไปมันจะเป็นพื้นที่นั่งรอเหมือนในหมอชิตเลยอ่ะ (คือไม่ได้แย่เลยนะ  แต่คิดว่ามันจะสวยกว่านี้ไง)  แล้วที่สำคัญคือมันเป็นพัดลมหมุนข้างบน  ความรู้สึกจะเหมือนนั่งกินข้าวในโรงอาหารน่ะค่ะ

คือมันร้อนอบอ้าวจริงๆ  ไอ้ที่เตรียมเสื้อกันหนาวไปนี่จบเลย  ขนาดเสื้อที่ใส่อยู่ยังอยากจะถอดเลย   (คือสถานที่เขาปกตินะคะ แค่เราติดภาพตอนไปขอวีซ่าญี่ปุ่นแค่นั้นเอง)

 

ยื่นใบนัด

เล่าต่อนะคะ  พอผ่านที่กั้นมา ก็เอาใบนัดที่ปริ๊นจากอีเมล ไปยื่นที่เคาน์เตอร์   จริงๆแล้วเมื่อก่อนต้องโทรนัด (เสียเงิน…เยอะด้วย) แต่ตอนนี้ (เริ่ม ธ.ค. 58 ที่ผ่านมานี่เอง  …โชคดีมากๆ)  สามารถนัดทางระบบออนไลน์ในเว็บสถานฑูตได้เลย  ถ้าจะยกเลิกหรือเปลี่ยนเวลานัด ก็ยกเลิกที่ลิ๊งก์ในอีเมล แล้วไปนัดในระบบใหม่

หลังจากยื่นใบนัดแล้ว จนท.เช็คชื่อแล้วก็บอกว่า ให้ไปนั่งรอเรียกรอบ 10.00 ด้านใน (คนนี้ก็พูดดีไม่ได้กวนเหมือนที่เคยอ่านมา)  เห็นบอกว่าด้านในนึกว่าให้ไปรอในห้องแอร์  ที่ไหนได้ ด้านในของเค้าก็คือ เก้าอี้ที่เรียงอยู่เต็มห่างออกไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น

 

ถ่ายรูป

ดูเวลาตอนนั้นคือ 8.30 น.  คิดในใจว่าคงต้องรออีกนานแน่ๆ  แต่ไม่เป็นไรคงต้องรอรูปอีกนาน  เพราะพวกเรายังไม่ได้ถ่ายรูป 2 นิ้วมา ไม่ใช่เพราะลืมนะคะ  แต่อยากให้ผ่านชัวร์ๆ ก็เลยตั้งใจมาถ่ายที่นี่ (4 ใบ 180 บาท  ดูเหมือนแพงนะ  แต่ถ้าคิดว่าจะเก็บอีก 2 รูป ไว้ใช้รอบหน้าก็ได้ (กลุ่มเชงเก้นเหมือนกัน รูปก็น่าจะใช้ด้วยกันได้น่า) แต่ปรากฏว่าถ่ายแป๊บเดียว รอรับรูปไม่ถึง 5 นาที เสร็จแล้ว   …เคว้งเลยค่ะทีนี้

บรรยากาศพื้นที่นั่งรอ

นอกจากเก้าอี้ (เยอะค่ะ)  โต๊ะกรอกข้อมูล (ไม่มีปากกาให้นะ)  และซอกถ่ายรูปแล้ว  ก็จะมีห้องน้ำเล็กๆพอใช้ได้  เคาน์เตอร์ไปรษณีย์  ที่ถ่ายเอกสาร  สถาบันเกอเธ่  เป็นซุ้มๆเหมือนมาออกบูธขายของเลยค่ะ ไม่ได้ดูดีอย่างที่คิด (ที่นี่ไม่เน้นสวย ไม่เน้นหรู เอาให้ใช้งานได้พอ) อยากจะบอกว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนพูดจาดีหมดนะคะ ยกเว้นคนถ่ายรูปที่ดูเคร่งเครียดกับงานไปรึป่าว (เก็บซะแพง เหมือนข้าวหน้าคุก)

บริเวณโต๊ะกรอกข้อมูล มีตัวอย่างการกรอกเอกสารติดไว้นะคะ แต่ก็ไม่ละเอียดเท่าไหร่  กรอกเองในVIDEX มาก่อนดีที่สุด  คือเตรียมทุกอย่างมาให้พร้อม มาถึงไม่ต้องทำอะไรเพิ่มดีที่สุดค่ะ  แต่ตรงนั้นเป็นแค่โต๊ะนะคะ  ไม่มีใบสมัครวางไว้  ไม่มีเอกสารอะไรเลย แค่บอกให้ติดรูป ดีนะมีกาวไว้ให้

แต่ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าจะเรียงเอกสารยังไง  ก็ต้องใช้บริการของเอเจนซี (เห็นดูแลลูกค้า คอยรับใช้เหมือนเราเป็นนายท่านเลยล่ะค่ะ) เขาก็จะคอยช่วยทุกอย่าง ยกเว้นตอนสัมภาษณ์  แต่ยังไงเราก็ต้องมีเอกสารครบนะคะ ไม่งั้นเขาก็ไม่รู้จะช่วยเรายังไง  ค่าบริการ 150 บาท

 

หน้าทางเข้าห้องยื่นคำร้อง

ติดกับโต๊ะกรอกข้อมูล ก็เป็นประตูทางเข้าไปห้องสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ  ทีแรกก็แค่จะไปยืนอ่าน ยืนดู สำรวจไปเรื่อย ยังไม่ทันจะก้าวไปถึงเลย แค่ชายตามองว่าข้างในเป็นยังไง  ก็มีจนท.หน้าห้องบอกว่า หนูนัดกี่โมง พอเราบอก 10โมงค่ะ  พี่เขาก็บอกว่าถ้าเตรียมเสร็จแล้วบอกพี่นะ เดี๋ยวให้เข้าก่อนไปเลย

ตอนนั้นมีคนนั่งรอด้านนอกแค่ไม่ถึง 10 คน (น่าจะเป็นผู้ติดตามมากกว่า  เพราะจะเข้าไปได้แต่คนที่มีใบนัดเท่านั้น)

จนท.หน้าประตูก็ช่วยแนะนำนู่นนี่ เซ็นต์รึยัง เขียนวันที่วันนี้นะ เข้าไปกดบัตรคิวที่มีคำว่า ช่อง 6-10 นะ มาพร้อมกัน 2 คน กดใบเดียว ฯลฯ (คือดีอ่ะ)  พอเราพร้อมก็เข้าไป คิดว่าต้องนั่งรอถึง10โมง อย่างน้อยก็มานั่งในห้องแอร์เย็นๆดีกว่า  แต่พอกดคิวปุ๊บ ถึงคิวปั๊บเลยค่ะ ….ฮ๊ะ…ถึงแล้วหรอ

 

พื้นที่ยื่นคำร้อง

ในห้องสัมภาษณ์ก็เป็นห้องแนวยาว มีเก้าอี้นั่งรอแถวเดียวอยู่ทางซ้าย ทางขวาเป็นเคาน์เตอร์ให้ยืนสัมภาษณ์ และเคาน์เตอร์เก็บเงิน พื้นที่ส่วนนี้ก็แคบกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ  บรรยากาศธรรมดาๆค่ะ  (ไม่หรู ไม่โทรม…คืือยังจะหวังดูดีอีกแน่ะ) เคาน์เตอร์ 1-9 เป็นแบบเปิดโล่งไม่ได้อยู่ในห้อง ส่วนเคาร์เตอร์เบอร์ 10 (พวกเราได้ห้องนี้แหล่ะ) อยู่ในสุดหลังโต๊ะรปภ. จะเป็นห้องสัมภาษณ์แบบมีประตูปิด (ที่ในเวปบอร์ดเรียกกันว่าห้องเย็น….แต่บอกเลย…ร้อนค่ะ)

 

เข้าห้องยื่นคำร้อง+สัมภาษณ์

อย่างที่บอกว่ากดคิวปุ๊บ ได้คิวปั๊บ  …แย่แล้วยังไม่ได้เตรียมใจเลย  นึกว่าจะมีเวลาท่องบท  กับตกลงกันอีกซักชั่วโมงกว่า  เพราะยังไม่ถึงเวลานัดเลย ทำไมได้เข้าก่อนล่ะ

เข้าไปก็เจอ จนท.ผู้หญิง(คนไทยอยู่แล้วค่ะ ทุกเคาร์เตอร์คนไทยหมด)  ในห้องเป็นเคาน์เตอร์ยืนคุย  มีกระจกกั้น  ตรงกลางมีช่องให้หย่อนเอกสาร  มีเครื่องสแกนลายนิ้วมืออยู่ทางขวาของเรา   ถ้าจะไปเที่ยวพร้อมกัน ก็เข้าไปพร้อมกันเลยนะคะ

จนท.ก็พูดจาดี ไม่เห็นโหดอย่างเค้าร่ำลือกัน  จนท.บอกให้เราหย่อนเอกสารของทั้งสองคนไปในช่อง  (มันเป็นที่โยก  แบบว่ารักษาความปลอดภัยดีจริง)

จนท.ขอเล่ม passport ไปอย่างเดียว ไม่ได้ขอดูเอกสารตัวจริงอันอื่นเลย (อุตส่าห์เตรียมตัวจริงไปหมด ทั้งสมุดบัญชีธนาคาร 2 แห่ง ทะเบียนบ้าน ใบทะเบียนสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ)

 

เริ่มสัมภาษณ์

จนท.เริ่มพลิกๆดูเอกสารทีละอย่าง โดยที่พวกเราไม่ได้แม็กซ์ หรือใช้คลิบหนีบเอกสารใดๆ  (ใครแม็กซ์มา หรือมีคลิปหนีบ ก็ต้องแกะนะคะ)  ดูสำเนาpassport + วีซ่าประเทศอื่นๆที่เคยไป (แต่ยังไม่เคยไปยุโรป)  ดูใบสมัคร  ดูใบจองโรงแรม  ใบตั๋วเครื่องบิน  แล้วก็เริ่มถาม (สามีเป็นคนตอบเกือบหมด)

  • ไปกี่วันคะ (31วัน 30คืนครับ)
  • เคยถูกปฏิเสธวีซ่ามั้ยคะ (ไม่เคยครับ คิดในใจว่า จริงๆเคย  แต่ตอนนั้นยังเด็กมาก คงไม่เป็นไร ตอนไปขอของญี่ปุ่นก็ถามแบบนี้)
  • เคยเดินทางเข้าประเทศกลุ่มเชงเก้นด้วยมั้ยคะ (ไม่เคยครับ)
  • ไปลงเมืองไหนก่อนคะ  (Frankfurt ครับ) แต่เค้าบอกว่าอันนี้ปลี่ยนเครื่องที่ Paris ก่อนนี่คะ (อ๋อใช้ครับ แต่อยู่แต่ในสนามบินไม่ได้ออกข้างนอกนะครับ จนท.ก็ไม่ได้ว่าอะไร)

 (คือตอนนั้นจองจากเวป Air France ไปค่ะ  เพราะมันจองก่อนได้  ไม่จ่ายภายใน3วันก็ถือว่าเป็นการยกเลิก)

 

  • ไปเมืองไหนบ้างคะ (ถ้าเฉพาะในเยอรมันก็ Frankfurt Nuremburg Munich ครับ  เป็นเมืองหลัก แล้วไปเที่ยวเมืองรอบๆครับ จากนั้นก็เข้าออสเตรียครับ เราไม่บอกเมืองในออสเตรียเพราะไม่เกี่ยวกับเขา)
  • มีแผนการท่องเที่ยวมาด้วยมั้ยคะ (มีครับอยู่ด้านหลังสุด ก่อนใบประกันสุขภาพ จากนั้นเขาก็พลิกดูแผนการท่องเที่ยว)

 

แล้ว จนท.ก็พลิกดูหลักฐานการเงิน ดูบัญชีธนาคาร (ซึ่งพวกเราเตรียมเงินในบัญชีไปมากกว่าที่ใช้จริงเยอะพอควร) ดูบัญชีการรับรายได้(พวกเราไม่ได้ทำงานประจำ หรือเปิดร้าน ไม่มีทะเบียนการค้า) บัญชีหุ้น/ปันผล (มีขอใบรับรองมาทั้งธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์) แล้วก็เริ่มถามอีก

  • ทำงานอะไรคะ (เป็น … ครับ)(พวกเราไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีใบรับรองจากที่ทำงาน)
  • มีใบรับรองของงานที่ทำมาด้วยมั้ยคะ (ไม่มีครับ  แต่มีหลักฐานอื่นๆในการทำงาน)

 

ระหว่างนี้ทางจนท.จะมีใบปะหน้า เหมือนเช็คลิส ที่เขียนภาษาเยอรมัน  มีส่วนที่ต้องเติมในช่องว่าง ในบางคำถามที่ถามเรา  ถามไปเติมไป(อย่างรวดเร็วมาก)

  • ทำมากี่ปีแล้วคะ
  • แล้วรายได้ส่วนใหญ่มาจากไหนคะ
  • รายได้เดือนละเท่าไหร่คะ  (ส่วนใหญ่จะถามจากจดหมายแนะนำตัวที่เขียนไป) (รายได้เฉลี่ย 3 เดือนหลังสุด ก็ xx,xxx บาทครับ มีตารางรายได้ที่ปริ๊นจากเว็บบริษัทมาให้ดูด้วยครับ)

(แล้วเราก็พูดเรื่องหุ้นไปด้วย  ว่าเอาเงินไปเก็บไว้ในหุ้น ตามใบที่ปริ๊นมา  มีใบรับรองของบริษัทหลักทรัพย์  และใบตารางปันผลหุ้นด้วย)

  • ภรรยาทำงานอะไรคะ (ภรรยาตอบ เป็นแม่บ้านค่ะ)
  • แล้วไม่ได้สมัครธุรกิจนี้ด้วยเหรอคะ (ภรรยาตอบ ไม่ค่ะ)

ในส่วนของภรรยา ไม่ได้ถามอะไรมากค่ะ ถามแค่2ข้อนี้เอง (อุตส่าห์เตรียมตอบเต็มที่เลย)

 

จนท.พลิกดูจนถึงพวกใบรับของ ใบรายการสินค้าที่สั่งกับบริษัทย้อนหลัง 3 เดือนที่เราเตรียมไป

  • แล้วใบพวกนี้ให้ตัวจริงมาเลยเหรอคะ ไม่เก็บไว้เผื่อวีซ่าไม่ผ่าน แล้วจะขอใหม่ก็ไม่มีแล้วนะ (ครับ เอาไปได้เลยครับ ไม่เป็นไร  คิดในใจว่า ถ้าไม่ผ่าน กว่าจะหาข้อมูลไปที่อื่นอีก ก็คงอีกหลายเดือน  หรือไม่ก็ไปญี่ปุ่นที่ไม่ต้องขอวีซ่าก็ได้)

 

แล้วก็พลิกดูพวกเอกสารอื่นๆ  ก็อธิบายไปเรื่อยๆตามที่จนท.พลิกเอกสารดู เขากำลังดูอันไหนก็พูดอธิบายไป เผื่อเขาจะงงว่ามันคืออะไร  ไม่ถามก็จะบอกอ่ะ เพราะพวกเราไม่ได้ทำงานประจำ เอกสารอาจเยอะหน่อย  จนถึงใบรูปถ่ายบิดากับใบนัดของหมอของเดือนหน้า  ก็บอกไปว่า อันนี้เป็นหลักฐานว่าพอไปเที่ยวเสร็จ ก็ต้องกลับมาดูแลคุณพ่อครับ

  • แล้วช่วงที่ไม่อยู่นี่ใครดูแลคะ (ก็จะเป็นน้องชาย แล้วก็คนที่บ้านครับ)
  • ทำไมถึงเลือกไปเยอรมันคะ ทำไมไม่ไปที่อื่น (ก็ชอบพวกปราสาท แล้วก็เมืองเก่าครับ อยากดูพวกเมืองเก่าของยุโรป)
  • อิตาลีก็เก่านะคะ (ชอบเก่าแบบดูดีครับ ไม่ใช่เก่าแบบโทรม เคยหาที่อื่นเหมือนกัน แต่อยากไปที่เยอรมันก่อน)
  • แล้วไป Frankfurt ไปทำอะไรคะ (ก็ไปดูพวกเขตเมืองเก่าของ Frankfurt  แล้วก็เมืองรอบๆครับ)
  • แล้วมีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษมั้ยคะ (ก็มี Heidelburg ครับที่มีแม่น้ำผ่านกลางเมือง แล้วก็ Munich ครับ เคยไปตอน ม.ปลาย (ไปทัวร์) แล้วชอบมากอยากไปอีก)
  • แล้วเดินทางยังไงคะ ขับรถหรือยังไง (รถไฟครับ)
  • เคยเดินทางเข้าประเทศกลุ่มเชงเก้นด้วยเหรอคะ (เคยครับ แต่มันนานแล้วตั้งแต่เด็ก แล้ว passport อันนั้น ก็ไม่รู้หายไปไหน ก็เลยไม่ได้แจ้งครับ)
  • ไปเที่ยวนี่ใช้ภาษาอังกฤษได้มั้ยคะ (ได้ครับ)

 

แล้วเค้าก็คืนพวกเอกสารมาหลายอย่าง เช่น statement รายได้จากบริษัท, ใบรับของ-สั่งของ, ใบแสดง list เอกสารที่เตรียมไป, ตัวอย่างเช็คที่เคยได้จากบริษัท, สำเนาสัญญาเช่าบ้านย้อนหลัง (เก็บไปแต่ปีล่าสุด) , ใบแสดงความยินดีจากบริษัท

  • เอกสารพวกนี้คืนนะคะ แค่หลักฐานการเงินก็พอแล้ว (เรายังยืนเอ๋ออยู่…ประมาณว่าไอ้ที่วิ่งวุ่นก่อนวันมา ก็ไอ้เอกสารพวกนั้นแหล่ะที่คืนมา…โธ่)

 

จบสัมภาษณ์

จากนั้นก็ให้แสกนลายนิ้วมือ โดยให้แสกน 4 นิ้วยกเว้นนิ้วโป้งก่อน ทำทีละข้าง จากนั้นให้แสกนนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน แต่ปัญหาคือนิ้วของสามีขึ้นชื่อเรื่องไม่มีลายนิ้วมือค่ะ  ตอนผ่านตม.ที่ต่างๆก็ไม่เคยแสกนได้เลย (ยกเว้นที่ญี่ปุ่น ผ่านฉลุย…ขอเขาดีจริง) คือนิ้วมันแห้ง จนสแกนไม่ติด  เค้าให้ทาครีมที่อยู่ด้านซ้าย กลิ่นคล้ายหมากฝรั่ง แล้วลองใหม่

จากนั้นก็ตรวจเอกสารของภรรยา แต่ไม่ได้ถามอะไรภรรยาเพิ่มอีก

เอกสารของภรรยาก็ใช้หลักฐานเหมือนกันหมด ยกเว้นจะเพิ่มจดหมายยืนยันการเป็นสปอนเซอร์จากสามี(เขียนภาษาอังกฤษ)  ส่วนหลักฐานการเงิน  หลักฐานการทำงาน   ก็ใช้อันที่ถ่ายสำเนาจากของสามีนั่นแหล่ะค่ะ

ทั้งของสามี และภรรยาจะต้องมีจดหมายแนะนำตัวนะคะ ว่าคุณคือใคร ทำงานอะไร มีรายได้เท่าไหร่ และรายได้นั้นมาจากไหน (เขียนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ)  เขียนให้ครบได้ใจความ แต่คุมให้อยู่ในแผ่นเดียว  แกรมม่าถ้าไม่เป๊ะก็ไม่จำเป็น เอาแค่ให้อ่านรู้เรื่อง

  • จะมารับเล่มเอง หรือจะให้ส่งไปรษณีย์คะ (รับเองครับ)

 

จ่ายเงิน…กลับบ้านได้

จากนั้นเค้าก็ออกใบเล็กๆ 2 ใบ ให้ไปจ่ายเงินค่าวีซ่าที่ช่อง 2 แล้วให้กลับมารับเล่มตอนวันพฤหัสหน้า (ถ้ามารับเองจะมารับได้เฉพาะ อังคารและพฤหัสแค่ 2 วัน ช่วง 13.00-14.00 เท่านั้น) ค่าวีซ๋า 2300 บาท (คิดว่าแล้วแต่ช่วง เปลี่ยนตามค่าเงินนะคะ)

ได้คุยกับผู้หญิงที่ไปขอวีซ่าเหมือนกัน เข้ามาพร้อมกัน  แต่เขายังไม่ได้กรอกอะไรมา  เอาเอกสารมาเฉยๆ กะจะมากรอกที่นี่  แถมก่อนหน้านี้ก็เข้ามาแล้ว แต่ลืมกดเงินมาก็เลยออกไปกด แล้วก็เข้ามาอีกที  ได้คุยกันอีกทีก็พวกเราจะกลับแล้ว แต่เขาเพิ่งได้คิว  แต่ดูเธอไม่ค่อยกระวนกระวายเลยค่ะ ชิลมาก  อยากอยู่รอถามผลลัพธ์เหมือนกันว่าเป็นยังไง

จบ…กลับบ้าน


 

ข้อแนะนำ

ที่สถานทูตไม่มีที่จอดรถนะคะ คือไม่มีให้รถเข้าเลยก็ว่าได้  ขนาดทางเดินคนเข้ายังแค่เป็นซอกเอง รักษาความปลอดภัยดีมากค่ะ

เตรียมเอกสาร กรอก เซ็นต์ ให้ครบ เตรียมพร้อมมาจากบ้านดีที่สุดค่ะ  มารีบร้อนที่นี่จะตื่นเต้น สติหลุดได้นะคะ

เตรียมปากกามาให้พร้อม  ที่นี่ไม่มีปากกานะคะ

ถ้าเป็นไปได้ให้พกขอมาให้น้อยที่สุด จะได้ไม่โดนค้น  มือคนอื่นมาหยิบของในกระเป๋าถือของเรา ถ้าไม่ถือก็ไม่เป็นไร แต่ผู้หญิงบางคนก็ถือนะคะ

ใช้เวลาทั้งหมดไม่นานค่ะ ตั้งแต่ผ่านประตู จนถึงก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ จริงๆไม่เกิน 5 นาที (ถ้าไม่ต้องถ่ายรูป และไม่ต้องรอเวลาตามนัด)  เวลาสัมภาษณ์+จ่ายเงินอีกแค่ ไม่เกิน 10-15 นาที  แค่นี้เสร็จกลับบ้านได้

ชุดที่ใส่ไม่ต้องเป็นทางการมากก็ได้นะคะ  แค่ให้ดูเรียบร้อย ให้คิดซะว่าให้เกียรติสถานที่เขา เข้าไปก็เหมือนเข้าไปบ้านเขา ประเทศเขาแล้วนะคะ

สุภาพกับเจ้าหน้าที่ทุกคน อย่าวีนใส่เขา เพราะเขาทำตามหน้าที่


 

 

สรุป

สรุปว่าการขอวีซ่าไม่ยากอย่างที่คิด  เรามาแบบเตรียมพร้อม สัมภาษณ์แบบราบรื่น  ไม่เจอปัญหาใดๆ ตอนเดินออกมาได้ยิน จนท.ที่ช่วยกรอกเอกสาร คุยกันว่าคนนั้นขาดไอ่นู่นไอ่นี่ ฟังดูวุ่นวายแบบนั้นคงไม่สนุกแน่

สรุป สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องเตรียมคือ

  • หลักฐานการเงิน ให้มากพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ถ้าเกินมาเยอะๆได้ยิ่งดี
  • หลักฐานการทำงาน ให้เค้าเชื่อได้ว่า เราทำงานนี้จริง ยิ่งทำมานานแล้วก็ยิ่งดี (พวกเราไม่ได้ทำงานประจำ ความน่าเชื่อถือน้อย เราก็พยายามเตรียมหลักฐานไปให้มากที่สุด)
  • หลักฐานอื่นๆ ที่แสดงว่าเราต้องกลับมา ทำอะไรต่อที่ไทยแน่นอน เช่น ทะเบียนสมรส สัญญาเช่าบ้าน โฉนดที่ดิน หลักฐานว่าต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ใบนัดหมอก็ได้ถ้ากลับมาแล้วต้องหาหมอที่ รพ.ตามนัด (หลักฐานพวกนี้เค้าเก็บไปหมดไม่ได้คืนมาเลย)
  • ใบจองโรงแรม ใบจองเครื่องบิน โรงแรมต้องจองให้ครบทุกวัน วันจองโรงแรมต้องสอดคล้องกับเที่ยวบิน ถ้าจองมาไม่ครบ เค้าอาจไม่รับ ให้ไปจองมาเพิ่ม
  • แผนการเดินทาง ในเว็บสถานฑูตไม่บอก แต่เค้าก็ถามหา เพราะเค้าใช้เป็นข้อมูลในการถามเรา
  • จดหมายแนะนำตัว สำคัญมาก ถ้ามีผู้ติดตาม ก็ต้องเขียนจดหมายแนะนำตัวของผู้ติดตามและจดหมายสปอนเซอร์ด้วยว่าเราจะออกค่าใช้จ่ายให้คนๆนี้ สำคัญมากเช่นกัน เพราะเค้าใช้เป็นข้อมูลในการถามเรา และเนื้อหาก็ต้องสอดคล้องกับเอกสารการทำงานที่เตรียมมาอ้างอิง

 

ในจดหมายแนะนำตัวเนื่องจากเราไม่ได้ทำงานประจำ เราทำอาชีพอิสระ เราก็ต้องอธิบายให้เค้ารู้ว่าเรามีรายได้มาจากไหนบ้าง ขายอะไร รายได้เดือนละเท่าไหร่ ไปเที่ยวยุโรปไปกับใคร ออกค่าใช้จ่ายให้ใคร กลับมาแล้วมีภาระต้องทำอะไร

  • สำเนาวีซ่าประเทศอื่นที่เราเคยไป ทั้งที่เป็นสติ๊กเกอร์แปะ หรือ แค่ปั๊มเฉยๆ มีคนบอกเค้าไม่เอา แต่เราก็ถ่ายมาและเค้าก็เก็บไปด้วย
  • เอกสารตัวจริง ทั้งสมุดบัญชีธนาคาร ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส ใบเปลี่ยนชื่อ เตรียมไปให้หมดได้ก็ดี ถึงของเราเค้าเรียกดูแค่ passport แต่ถ้าเค้าเรียกดูอย่างอื่นแล้วเราไม่มีก็เสียโอกาส
  • ใบรับรองทุกอย่าง (ตัวจริงทั้งหมด) ทั้งใบรับรองธนาคาร ใบรับรองพอร์ตหุ้น ใบรับรองการทำงาน มีให้ครอบคลุมหมดจะยิ่งดี เพราะเค้าก็เก็บไป อย่างของเราไม่มีใบรับรองการทำงานแต่เราก็อธิบายได้น่าเชื่อถือว่าทำไม่ไม่มี เค้าก็ไม่ว่าอะไร (ถ้ามีก็ดี)
  • ประกันสุขภาพต้องซื้อไปให้ครอบคลุมกับระยะเวลาเดินทาง เกินได้แต่ขาดไม่ได้ ถ้าจะขอวันเพิ่มเขาก็เพิ่มให้ได้แค่ตามระยะเวลาประกันที่ทำมา
  • รูปมาถ่ายที่นี่ก็ได้ แป๊บเดียวเสร็จ ถ่ายที่อื่นถ้าใช้ไม่ได้ก็ต้องเสียตังถ่ายใหม่อีก ได้มา 4ใบใช้แค่ 2 อีก2ใบ เก็บไว้รอบหน้าก็ได้ เชงเก้นเหมือนกันน่าจะใช้ร่วมกันได้
  • กรอกใบสมัคร VIDEX มาให้เรียบร้อย ที่สถานฑูต ตัวอย่างไม่ค่อยละเอียด เดี๋ยวก็ต้องเสียค่าช่วยกรอกอีก 150 เสียเวลาด้วย
  • มาก่อนเวลานัดนานๆก็ดี ถ้าคนไม่เยอะ เราก็ได้เข้าก่อนเวลา

 

วิธีกรอกวีซ่าเชงเกน วีซ่าเยอรมนี VIDEX

 

การเตรียมเอกสาร ขอวีซ่าเชงเกน สถานทูตเยอรมนี

 

เล่าประสบการณ์(อาชีพอิสระ) ขอวีซ่าเชงเกน สถานทูตเยอรมนี

 


รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1


 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


6 thoughts on “ขอวีซ่าเชงเกน”

  1. ได้ความรู้มากเลยค่ะ
    อยากจะขอ Visa ไปเยี่ยมเพื่อนชายเหมือนกัน
    ทำงานอิสระเหมือนกัน เดี๋ยวจะลองเอาวิธีไปใช้นะคะ

  2. สวัสดีครับผมขอคำแนะนำด้วยครับ คือผมกับแฟนวางแผนจะไปเที่ยวเอง ลางานรวมกับเสาร์อาทิตย์ด้วยรวมจะไป 4 คืน ต้นเดือนธันวาคมปีนี้ แผนกะไว้ตามนี้ครับ
    Day 1 ไฟลท์จากสุวรรณภูมิเที่ยวดึก ถึงมิวนิคเช้า เดินทางไปโรงแรมในเมืองมิวนิค (กะว่าจองใกล้ๆ โรงเบียร์
    Hofbrauhaus) ฝากกระเป๋าไว้แล้วเดินทางขึ้นเขา zugspitze เย็นๆ กลับมาโรงแรมในมิวนิค
    Day 2 ไปปราสาทนอยชวานสไตน์ เย็นๆ กลับมาโรงแรมเดิม
    Day 3 Check-Out โรงแรม เดินทางไปลูเซิร์น (ต้องเข้าเมืองซูริคก่อนหรือเปล่า ?) Check-In โรงแรมในลูเซิร์น เดินเที่ยวในลูเซิร์น
    Day 4 เดินทางจากลูเซิร์นไปขึ้นเขา Titlis เย็นๆ กลับมาโรงแรม
    Day 5 เช้า Check-Out เดินทางจากโรงแรมไปสนามบินซูริค
    ขอคำแนะนำดังนี้ครับ
    1. แผนเป็นไงบ้าง เหมาะสมไหมครับ
    2. ผมกะจะเดินทางช่วง 1 ถึง 6 ธันวาคมนี้ ควรไปยื่นเรื่องขอวีซ่าช่วงไหนดีครับ แล้วผมพักที่มิวนิค 2 คืน พักที่ลูเซิร์น 2 คืน แต่แผนเดินทางคือเข้ามิวนิค เยอรมัน แล้วขาออก ออกจากซูริคกลับไทย ผมควรขอวีซ่าที่สถานทูตประเทศไหนดีครับ เยอรมันใช่ไหมครับ
    3. ขอคำแนะนำวิธีเดินทางจากแต่ละสถานที่ไปยังอีกที่ และต้องซื้อตั๋วอะไร แบบไหนดี ซื้อที่ไหน ค่าโดยสารประมาณเท่าไหร่ และช่วยแนะนำโรงแรมราคากลางๆ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ หรือสถานีรถบัส ที่ใกล้จุดเดินทางด้วยครับ
    4. ควรแลกเงินสกลุอะไรไปดี สักประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่พอใช้บัตรเครดิตรูดได้ไหม ค่ารถไฟ ค่ารถบัส รูดบัตรเครดิตบนรถได้ไหมครับ
    5. คำแนะนำอื่นๆ

    ขอบพระคุณมากครับ
    /…ยศ

    1. 1. แผนเป็นไงบ้าง เหมาะสมไหมครับ
      ตอบ ถ้าชอบก็โอเคค่ะ ก็มีวันเที่ยวนิดเดียวเองอ่ะ

      2. ผมกะจะเดินทางช่วง 1 ถึง 6 ธันวาคมนี้ ควรไปยื่นเรื่องขอวีซ่าช่วงไหนดีครับ แล้วผมพักที่มิวนิค 2 คืน พักที่ลูเซิร์น 2 คืน แต่แผนเดินทางคือเข้ามิวนิค เยอรมัน แล้วขาออก ออกจากซูริคกลับไทย ผมควรขอวีซ่าที่สถานทูตประเทศไหนดีครับ เยอรมันใช่ไหมครับ
      ตอบ ขอวีซ่าก่อนไปได้ไม่เกิน 3 เดือนค่ะ , ควรขอวีซ่าเยอรมันค่ะ

      3. ขอคำแนะนำวิธีเดินทางจากแต่ละสถานที่ไปยังอีกที่ และต้องซื้อตั๋วอะไร แบบไหนดี ซื้อที่ไหน ค่าโดยสารประมาณเท่าไหร่ และช่วยแนะนำโรงแรมราคากลางๆ ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ หรือสถานีรถบัส ที่ใกล้จุดเดินทางด้วยครับ
      ตอบ เรารับวางแผนให้ได้นะ ติดต่อ https://www.facebook.com/gonoguide/

      4. ควรแลกเงินสกลุอะไรไปดี สักประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่พอใช้บัตรเครดิตรูดได้ไหม ค่ารถไฟ ค่ารถบัส รูดบัตรเครดิตบนรถได้ไหมครับ
      ตอบ ยูโร + ฟรังค์สวิส ค่ะ แลกเท่าไหร่ต้องดูแผนเดินทางอีกที ใช้บัตรเครดิตได้ค่ะ

      5. คำแนะนำอื่นๆ
      ตอบ ค่อยๆศึกษาดูไปก่อนค่ะ ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มเนอะ ดูวิดีโอที่พวกเราทำไปเรื่อยๆค่ะ https://www.youtube.com/channel/UCsY2aYmPTj7mpJXpZ1FU2MQ

  3. รบกวนขอตัวอย่างการเขียนจดหมายแนะนำตัว + จดหมายสปอนเซอร์ ได้มั้ยคะ ?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.