ปราสาทโอซาก้าด้านนอก

ขอแบ่งเป็น2ตอนนะคะคือ ปราสาทโอซาก้าด้านนอก กับ ปราสาทโอซาก้าด้านใน

หลังจากที่ไป วัด Shitennoji เพื่อฆ่าเวลา เรากลับมาแถวโรงแรมกันอีกครั้ง เพราะปราสาทโอซาก้าอยู่ใกล้ๆแถวนั้นพอดีค่ะ

วิธีมาปราสาทโอซาก้า ไม่ยากเลยค่ะ ไม่ว่าจะมาจากทางไหน ลงสถานีได้หลายที่ ดังนี้  (แล้วเดินต่อมาอีก 20 นาที ถึงจะถึงตัวปราสาทค่ะ

• Tanimachi 4-chome Station exits #1B and #9
• Morinomiya Station exits #1 and #3B
• Osaka Business Park Station exit #1
• Temmabashi Station exit #3

เวลาเปิด 9.00 – 17.00 น

เปิดทุกวัน ยกเว้นปีใหม่ 28 ธ.ค. – 1 ม.ค.

ค่าเข้า 600 เยน (มี Osaka Amazing Pass เข้าฟรีค่ะ)

---

เดินไปปราสาทโอซาก้า

คิดจะไปเดินวัดชิเทนโนจิเพื่อฆ่าเวลา แต่ฆ่านานไปหน่อยเลยเวลาล่วงเลยมาถึง 9.30 น.แล้วค่ะ  เพราะทีแรกตั้งใจจะมาปราสาทโอซาก้าตอนเปิดพอดีคือ 9.00 น.

แล้วก็ลืมเรื่องบวกเวลาเดินไกลไปด้วยค่ะ  เห็นปราสาทในแผนที่เหมือนจะอยู่ใกล้ๆนะคะ  แต่กว่าจะเดินไปถึงก็ไกลอยู่เหมือนกันค่ะ  ก็เลยทำให้เสียเวลาในส่วนนี้ไป กว่าจะเดินไปถึงตัวปราสาทจริงๆก็เกือบ 10 โมงแล้วค่ะ

เดินจากสถานี Tenmabashi ไปปราสาทโอซาก้า  ระหว่างเดินไป ก่อนจะเข้าเขตปราสาท ต้องข้ามสะพานลอยที่ข้ามถนน  จะว่าไปสะพานลอยญี่ปุ่นนี่เป็นของหายากจริงๆนะคะ  ไม่ค่อยเห็นเลย  บันไดเขาจะไม่ชันเหมือนบ้านเรานะ แต่แปลกใจที่สะพานลอยนี้ดูสกปรกไปหน่อย

พอขึ้นสะพานลอยปุ๊บ   โอ๊ะ…เห็นปราสาทแล้ว  นั่นไงปราสาทโอซาก้า   แต่….เอ๊…มันเตี้ยกว่าที่คิดนะ  ไม่เห็นเหมือนในรูปเลย  ดูทำมะด๊า…ธรรมดา

พอเดินไปดูป้าย   อ้าว…ที่แท้ไม่ใช่ปราสาทโอซาก้าค่ะ  นั่นค่ะ ป้อมยามทิศตะวันตก (ไม่รู้เรียกว่าอะไร ขอเรียกป้อมยามละกันนะ) ภาษาอังกฤษเขียนว่า West Outer Moat

ป้อมยามแบบนี้ ก็จะมีอยู่หลายป้อมค่ะ  อยู่รอบๆคูเมืองทั้งสี่ทิศ

รู้สึกหน้าแตกยับเยิน  ดีนะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ใกล้  เพราะตอนเห็นตัวป้อม ก็ร้องซะดังว่า  “นั่นไง….ปราสาทโอซาก้า”  แต่ตัวปราสาทจริงๆ มันอยู่อีกลึกนะคะ ยังไม่เห็นแม้แต่หลังคา

---

 

เดินเข้าเขตปราสาทโอซาก้า

พอเดินมาถึงทางเข้า (ซึ่งไม่ใช่ทางเข้าหลักค่ะ) ก็เห็นคนเยอะแยะไม่รู้มาจากทางไหน เต็มไปหมด ทั้งๆที่ทางที่เราเดินมา แทบจะไม่มีคนเลย

พอเห็นทางเข้า ก็ดีใจคิดว่าถึงแล้ว  แต่ที่ไหนได้ ต้องเดินเข้าไปอีกไกลเลย (ไกลมากกกก)  หลายชั้น ซับซ้อน วนไปวนมา  กว่าศัตรูจะบุกถึงตัวปราสาท  คงโดนซุ่มยิงตายหมดล่ะค่ะ

ระหว่างทางจะมีบ่อน้ำ กับกระบวย เหมือนที่วัดต่างๆ ให้ล้างปาก ล้างมือ   ทีแรกก็คิดว่าต้องล้างมือ ล้างปาก เฉพาะก่อนเข้าวัดซะอีก  แต่นี่ต้องล้างก่อนเข้าปราสาทซะด้วย   แต่ดูๆไม่ค่อยมีใครใช้หรอกค่ะ  ดูมันไม่ค่อยอนามัยเลย  มีแต่ทัวร์จีนที่ต้องการสัมผัสความเป็น traditional  ก็จะมีไกด์คอยสาทิตให้ดูว่าต้องทำยังไง

จากจุดนี้ก็จะเริ่มเดินเข้าเขาวงกตกันแล้วค่ะ  ซึ่งจะเป็นกำแพงที่ใหญ่มาก  ใหญ่จริงๆนะคะ  เหมือนรั้วบ้านของยักษ์เลย  จะมีหินก้อนมหึมา  หินจริงๆ หินทั้งก้อนเลยนะคะ  ไม่ใช่หินเล็กๆเอามาอัดก้อน  หรืออิฐมอญเอามาโบกปูนนะ  ไม่รู้ไปเอามาได้ยังไง  ใหญ่แบบกำแพงพีรามิดที่อียิปเลย

หินที่ว่านี้ เป็นหินที่นับว่าใหญ่ที่สุดในโอซาก้าเลยนะคะ  เขาเอามาสร้างเป็นกำแพง  เพื่อความแน่นหนา  ถึงขนาดว่าฆ่าศึกขว้างระเบิดมา  ยังไม่สะทกสะท้านเลย

อ่านจากป้ายที่เขียนอธิบายไว้ได้ความว่า….

กำแพงหินยักษ์นี้ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคเอโดะ ค.ศ.1624 (เกือบ 400 ปีแล้ว)  ในนี้เขาเขียนว่า หินก้อนนี้คนญี่ปุ่นเรียกว่า Takoishi    แอดมินเลยมาแปลเองเล่นๆได้ว่า  Tako = ปลาหมึก   ishi = rock/solid

ว่าแต่…แล้วมันเกี่ยวกับปลาหมึกยังไง?    หรือจะสื่อว่า Tako+oishi = ปลาหมึก…อร่อย     …อะเด๊ะ…หรือที่โอซาก้าโด่งดังเรื่องทาโกะยากิขึ้นมาได้  ก็มาจากจุดนี้นี่เองงงง 555+   ใช่แล้ว…มันต้องใช่แน่ๆ

แอดมินเคยดูสารคดีญี่ปุ่นอันนึง   เขาจะคัดเลือกก้อนหินแต่ละก้อน  (หินมนๆไม่ได้ตัดตรงๆนะคะ)มาวางแต่ละจุด  ให้มันเข้าล็อคกันอย่างกับเล่นจิ๊กซอว์   แต่นั่นมันคือก้อนหินแบบมนๆ  ตรงไหนมีช่องว่าง  เขาก็จะเอาหินเล็กๆมาอุด  ลองแล้วลองอีก  จะถือโดยมือเปล่าก็ไม่ได้นะ  ต้องใช้รถเครนยกค่ะ   นึกถือต่อจิ๊กซอว์โดยใช้รถเครนน่ะค่ะ

เชื่อมั้ยคะว่า เขาต้องใช้เวลาเป็นปีๆ   กว่าจะสร้างไอ้เจ้าเป็นกำแพงที่หนาแน่นแบบนี้ได้  โดยไม่ต้องใช้ปูนโบกทับด้วยค่ะ  ไม่รู้มันแข็งแรงได้ยังไง  มันสุดยอดจริงๆ

แต่ก็ยังสงสัยไม่หายว่า  สมัยเอโดะเขาทำยังไงให้หินมันเรียบซะขนาดนั้น   ญี่ปุ่นเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษรึไงนะ  มีเรื่องให้ทึ่งไปหมด

 

---

 

ลานกว้างหน้าปราสาทโอซาก้า

พอผ่านเข้ามาในพื้นที่ด้านใน  ก็จะเป็นที่โล่งๆ เป็นลานกว้างๆด้านหน้าปราสาท อย่างกับสวนสาธารณะ  ซึ่งก็แปลว่ายังไม่ถึงตัวปราสาทโอซาก้าค่ะ   โน้นแน่ะ…อยู่ตรงโน๊นนน  เดินไปอีกค่ะ  เฮ้อ….เหนื่อย

ใกล้ๆตัวปราสาทโอซาก้า  จะมีตึกสีอิฐทรงยุโรป นั่นไม่ใช่อาคารสมัยเอโดะนะคะ  แต่แอดมินคิดเองว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่สมัยพวกฝรั่งเข้ามาหลังสงคราม  ตึกนั้นเป็นอาคารเก่า ที่ตอนนี้ดัดแปลงมาเป็นภัตตาคาร กับสำนักงานองค์กรอะไรซักอย่างค่ะ

แหม…สร้างประชิดกันแบบนี้ทำให้ปราสาทโอซาก้าดูหมองไปเลยนะ  สร้างข่มกันชัดๆ  ส่วนตัวแล้วไม่ชอบเลยค่ะ  เรามาดูปราสาทโอซาก้า  ตัวปราสาทก็ต้องเด่นที่สุดสิคะ

อีกมุมไกลๆมุมนึง  มีร้านค้าที่เป็นรถตู้ มีอยู่แค่ 2 ร้านเท่านั้น   คือร้านขายทาโกะยากิ กับร้านไอติม  ไม่รู้ว่าเขาเก็บค่าที่แพง หรือว่าจำกัด ให้มาขายได้แค่นี้กันแน่นะ  ถ้าเป็นเมืองไทยพื้นที่เหลือซะขนาดนี้  รับรองตลาดนัดเต็มค่ะ

จริงๆเรื่องขายของ ถ้าไม่ให้ขายก็ไม่น่าจะมีเลยซักร้านนะ  ดูสะอาดสายตาดี  แต่พอดีเป็นคนชอบเดินตลาด  ตั้งแต่มายังหาตลาดแบกะดินขายไม่ได้ซักแห่ง  ถ้ามีร้านค้าเยอะๆก็น่าจะดีนะ

ไม่รู้ว่าสมัยก่อน  เขามีต้นไม้เยอะๆแบบนี้มั้ย  แอดมินว่าไม่น่าจะมีนะ  ไม่งั้นก็เห็นฆ่าศึกไม่ถนัดน่ะสิ

เห็นกลุ่มคนเขามุงดูอะไรกันก็ขอเข้าไปมุงบ้าง   ปรากฏว่าเป็นกรุ๊ปทัวร์ฝรั่งเศส  อธิบายภาพปราสาทโอซาก้า  จะเข้าไปฟังด้วยซะหน่อย  แต่ก็…นะ…ภาษาอังกฤษยังต้องเงี่ยหูฟังเลย  ฝรั่งเศสไม่ต้องพูดถึง  รู้แค่ว่าเป็นภาษาฝรั่งเศสก็เก่งแล้ว

ดูจากแผนผังปราสาทโอซาก้าในสมัยก่อนแล้ว  ก็อดคิดไม่ได้ว่า เค้าจัดกันเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วหรือเนี่ยะ

จากแผนผังจะเห็นว่า   พื้นที่ปราสาทจะมีคูน้ำอยู่ล้อมรอบ  แล้วจะมีสะพานข้ามจากด้านนอก เข้าสู่พื้นที่ปราสาท  ซึ่งมันมีสะพานข้ามคูหลายจุดจริงๆค่ะ   คงจะเผื่อพลาดพลั้งเข้าตาจนจริงๆ  จะได้มีทางหนีทีไล่ไง   แต่มันก็ทำให้ฆ่าศึกมีทางเข้าหลายทางเหมือนกันนะ   แต่กว่าจะเข้ามาได้คงตายกันหมดแล้วล่ะ

ภาพอีกอันอธิบายการถูกฆ่าศึก(ญี่ปุ่นด้วยกันเองนี่แหละ)บุกเข้าปราสาทโอซาก้า

ตอนกลับมาเพิ่งได้ดูเรื่องคันเบะ  เป็นประวัติของคุโรดะ คันเบะ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของ โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ที่เป็นคนสร้างปราสาทโอซาก้าแห่งนี้ค่ะ    ถ้าได้ดูก่อนไปล่ะก็นะ  คงอินกว่านี้แน่ๆ

สไลด์โชว์ ปราสาทโอซาก้าด้านนอก

---

ผ่านประตูเข้าปราสาทโอซาก้า

พอเดินมาถึงตัวปราสาท ก็เพิ่งจะรู้สึกว่ามันสูง และใหญ่จริงๆค่ะ  ใครจะถ่ายรูป ต้องไปยืนไกลๆเลยนะคะ  มาถ่ายใกล้ๆ เก็บไม่หมดค่ะ

พวกเราใช้ Osaka Amazing Pass ก็แค่ยื่นบัตรให้เขาแสกน ก็ผ่านไปได้เลยค่ะ   ที่เขาต้องเอาไปแสกนอาจจะเป็นเพราะว่าเพื่อป้องกันการเข้าซ้ำ เผื่อว่าเราจะเอาบัตรไปให้คนอื่นใช้ล่ะมั๊งคะ

---

อ่านต่อที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์ปราสาทโอซาก้าด้านใน

---

ออกจากปราสาทโอซาก้า

เมื่อชมพิพิธภัณฑ์ภายในปราสาทโอซาด้านในก้าเรียบร้อยแล้ว   ก็รีบเดินออกมาอีกทางนึง  เป็นคนละทางกับที่เข้ามาทีแรกค่ะ

ระหว่างทางกลับเห็นผู้สูงอายุคนนึง  ถือไม้เท้าค่อยๆเดินเข้าปราสาทโอซาก้า   เห็นแล้วนับถือจริงๆค่ะ   เราเดินมาตั้งไกล  เมื่อยแทบแย่  คิดดูว่าเขาเดินมาจากไหนไม่รู้  อาจจะเดินมาจากสถานีรถไฟก็ได้   แล้วระยะทางก็ยังอีกไกลเลยค่ะ  โอ้โห….เห็นแล้วรีบถ่ายรูปไปให้แม่ดูเลย(ชอบขี้เกียจเดินดีนัก)

คูน้ำที่ล้อมรอบปราสาท จะมี2ชั้นค่ะ มันไม่ได้เชื่อมต่อกันนะ เพราะอะไรก็ไม่รู้  คือบ่อนึงมีน้ำเต็ม  แต่พอตอนขากลับ เห็นอีกคูนึงไม่มีน้ำเลย  มีแต่ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมด

 

---

กลัวจะงง เรามาดูแผนที่รอบปราสาทโอซาก้ากันดีกว่า

จะเห็นว่ามันมีคูน้ำอยู่สองบ่อ (บ่อนอก กับ บ่อใน)  บ่อนอกที่ยังมีน้ำอยู่น่ะค่ะ  ส่วนบ่อในจะแห้ง มีแต่ไม้เลื้อยเต็มไปหมดค่ะ

ส่วนทางเดินที่เราเข้ามา จะเข้ามาทางด้านบน  แล้วออกทางด้านล่างตามลูกศรค่ะ   แล้วเดินลงต่อไปยัง Osaka museum of history

---

 

คลิปรีวิว ปราสาทโอซาก้า

---

แผนที่สถานที่ที่ได้ไปมาในโอซาก้า ด้วยบัตร Osaka Amazing Pass(ชนิด2วัน 3000 เยน) สีแดงคือวันแรก สีน้ำเงินคือวันที่สอง

 

สรุปทริปคันไซวันที่2

สรุปรีวิวทริปคันไซทั้ง7วัน

ติดตาม GoNoGuide ผ่าน Facebook

---