เข้าเมือง Frankfurt

วางแผนเที่ยวยุโรป-51

สนามบินแฟรงค์เฟิร์ทเข้าเมือง

ตอนที่แล้ว เล่าประวัติเยอรมนี ก่อนเที่ยว กันไปแล้ว น่าจะรู้สึกอินกับประเทศเยอรมนีขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ  ตอนนี้เราจะยังไม่ได้ออกสู่โลกภายนอกนะคะ  เพราะเราต้องหาทางออกจากสนามบิน เพื่อเข้าเมืองให้ได้กันก่อนค่ะ  ไปดูกันค่ะว่าจาก สนามบินแฟรงค์เฟิร์ทเข้าเมือง ใช้ตั๋วอะไรดี


 

ราคาตั๋วเดินทางในแฟรงค์เฟิร์ท

Frankfurt Day Ticket

หลังจากที่พวกเรารับกระเป๋าที่ชั้น1 เรียบร้อยแล้ว  ก็ลงไปชั้นใต้ดิน(ตามป้ายไปค่ะ) เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ

ตั๋วรถไฟที่เราเลือกใช้ในวันนี้ก็คือ Frankfurt Day Ticket ราคา 15.8 euro  ตั๋วนี้จริงๆใช้ได้ถึง 5 คนเลยนะคะ  แต่พวกเรามีกันแค่2คน กะว่าจะไปชวนคนแถวนั้นมาแชร์ แค่คงจะเสียเวลาน่าดู และคงจะไม่มีใครไว้ใจเราหรอก

สรุป Frankfurt Day Ticket

ราคา 15.8 euro

ใช้ได้ 5 คน

ใช้กี่โมงก็ได้ภายในวันที่ที่ระบุ

ใช้นั่งรถไฟ S-bahn จากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท(Zone 5090) เข้าไปที่ Frankfurt Hbf  (Zone 5000)

ใช้นั่งขนส่งสาธารณะได้ทุกอย่าง ภายในตัวเมืองแฟรงค์เฟิร์ท (รถราง รถไฟใต้ดิน รถบัส)

 

Frankfurt Single Ticket

ถ้าซื้อแบบตั๋วเที่ยวเดียว จากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท เข้าเมือง (Frankfurt Hbf) ราคาคนละ 4.65 Euro


วางแผนเที่ยวยุโรป-52

ภาพจาก https://www.vgf-ffm.de/en/fares-tickets-and-timetables/fares-and-fare-zones/

จากภาพ

คอลัมภ์ที่เขียนว่า Frankfurt คือการเดินทางในตัวเมืองแฟรงค์เฟิร์ท

คอลัมภ์ที่เขียนว่า & Airport คือ การเดินทางระหว่าง สนามบินแฟรงค์เฟิร์ท กับ ตัวเมืองแฟรงค์เฟิร์ท รวมถึงการเดินทางภายในตัวเมืองแฟรงค์เฟิร์ทด้วย


 

ซื้อตั๋ววัน หรือตั๋วเที่ยวเดียวดี? 

จะเห็นว่า เรามากันสองคน ถ้าซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเข้าเมืองก็ราคาสองคน 9.3 euro  แต่พวกเราคิดว่าต้องใช้รถรางด้วยแน่ๆ (ค่ารถรางเที่ยวเดียวคนละ 2.8 euro)

ดังนั้นถ้าต้องใช้รถรางคนละ 2 ครั้ง ก็ถือว่าคุ้มค่าตั๋ววัน (15.8 euro) แล้วค่ะ

แต่ในความเป็นจริงเราใช้รถรางบ่อยมากค่ะ  อย่างน้อยๆจากโรงแรม ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่นึง แล้วกลับโรงแรม ก็เกินราคาแล้วค่ะ

 

สรุป

กรณีที่1 ลงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท จะเข้าตัวเมือง แล้วเข้าโรงแรม นอนเลย ไม่ออกไปไหนแล้ว หรือสามารถเดินไปใกล้ๆได้

ถ้าเดินทาง 1-3 คน ก็แนะนำให้ซื้อ Single Trip Ticket คนละ 4.65 euro

ถ้าเดินทาง 4-5 คน ก็แนะนำให้ซื้อ Group Day ticket  ราคา 15.8 euro (เหลือเฉลี่ยคนละ 3.16 – 3.95 euro)

กรณีที่2 ลงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท จะเข้าตัวเมือง เที่ยวสถานที่ต่างๆด้วยการนั่งรถรางอย่างน้อย 2 รอบ

ถ้าเดินทางคนเดียว ก็แนะนำให้ซื้อตั๋ว ราคา 9.1 euro

ถ้าเดินทาง 2- 5 คน ก็แนะนำให้ซื้อ Group Day ticket  ราคา 15.8 euro (เหลือเฉลี่ยคนละ 3.16 – 7.9 euro)

 

ดูรายละเอียดตั๋วอื่นๆได้ที่ http://www.rmv.de/en/Fahrkarten/Die_richtige_Fahrkarte/Fahrkarten_im_Ueberblick/


 

ประเภทของรถไฟ (Bahn = Train) แฟรงค์เฟิร์ท

U-bahn เป็นรถไฟที่วิ่งในตัวเมืองที่มีความหนาแน่น มักจะวิ่งใต้ดิน  (ไม่มีที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ทอยู่แล้ว)

S-bahn เป็นรถไฟที่วิ่งระยะไกล  จอดทุกสถานี(จะเรียกว่ารถไฟช้าก็ได้) เชื่อมระหว่างเมืองใหญ่ๆ มักจะวิ่งบนดิน  แต่ถ้าเข้าเมืองก็จะมุดลงดิน  (จากสนามบินแฟรงค์เฟิร์ท เข้าเมืองแฟรงค์เฟิร์ท ควรใช้อันนี้ค่ะ สาย S8 , S9)

Fernbahnhof  เป็นรถไฟระยะไกล วิ่งเร็ว ถึงเร็ว จอดน้อยสถานี  เชื่อมระหว่างเมืองใหญ่ๆ แต่จะแพง (ถ้าจะไปเมืองไกลๆ ไม่เข้า Frankfurt Hbf ก็ใช้อันนี้ก็ได้ค่ะ)


 

เดินทางในเยอรมนี ต้องหาพวก และใช้สมอง

มีความรู้สึกว่าถ้าเดินทางคนเดียว เที่ยวเดียว ราคาค่อนข้างแพงนะคะ อย่างจะไปไปกี่ป้าย ค่ารถก็เป็นร้อยแล้ว  แต่ถ้าไปหลายคน ซื้อตั๋ววัน ตั๋วเดือน ตั๋วปี ก็ค่อนข้างถูกค่ะ (เมื่อเทียบกับค่าครองชีพของบ้านเขา)

จำได้ว่าตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นมันต้องใช้สมองมากเลยนะคะ โดยเฉพาะไอ้สายรถไฟที่มันพันกันยุ่งเหยิง เล่นโยงเส้นซะเมื่อยตาเลย

มาที่เยอรมนี สายรถไฟ รถรางก็ไม่ได้เยอะหรอกค่ะ  แต่ที่ต้องใช้สมองมากๆก็คือ หาข้อมูล และหาตั๋วที่คุ้มค่า เหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะมันมีให้เลือกเยอะจริงๆ  ไม่คิดก็ไม่ได้เพราะมันแพง  พอใช้สมองคิดหน่อยก็ถูกลง ให้ต่อมคำนวนทำงานบ้าง

ใครอยากฝึกสมอง ต้องมาเที่ยวกันเองนะคะ รับรองแก่ยังไงก็ยังสมองไม่เสื่อม


 

รถไฟเยอรมนี ใช้ระบบความซื่อสัตย์

ปกติพวกเราจะชินกับญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งไทยเราเอง มาเลเซีย สิงคโปร์ จริงๆก็ทุกประเทศในเอเซียนะ เวลาขึ้นรถไฟฟ้า ก็ต้องมีที่กั้น แล้วแตะบัตร ใช่มั้ยคะ  ไม่มีตั๋วก็เข้าไม่ได้  ก็เป็นเรื่องปกติ

แต่มาที่เยอรมนี (คิดว่าคงเป็นกันทั้งยุโรปส่วนใหญ่)  เขาไม่มีที่กั้นค่ะ  ไม่มีแม้กระทั่งเคาร์เตอร์ขายตั๋ว  ไม่มีเจ้าหน้าที่  คือไม่มีคนที่จะให้เราถาม  หรือมาห้ามอะไรเราได้เลยค่ะ (คิดว่าเขาคงจะใช้กล้องวงจรปิดนะ)

ถ้าเราไม่ได้ศึกษากันไปก่อนคงจะเอ๋อน่าดู  เพราะเดินสามารถเดินขึ้นรถไฟได้  ออกจากสถานีได้ โดยไม่มีใครมาตรวจอะไรเลย

แต่บ้านเมืองเขาก็ไม่ได้โง่นะคะ ถ้าเราไม่มีตั๋ว แล้วบังเอิญมีนายตรวจมาพอดี เราก็ต้องเสียค่าปรับ 60 euro (ประมาณ 2400 บาท)

แต่…(ไม่ได้ชี้นำนะ)ตั้งแต่เดินทางมาเกือบเดือน นายตรวจมีเฉพาะรถไฟระยะไกลเท่านั้นแหละค่ะ  รถราง S-bahn U-bahn ไม่เคยเห็นนายตรวจซักคน (อยากเจอมาก)


 

ช่วงนี้ขอบ่น

เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกค่ะ  ถ้าคุณโกงเขา แม้จะไม่มีใครรู้  แต่ในวันข้างหน้าเราก็อาจโดนอะไรซักอย่างคืน

ถึงแม้ว่าจะไม่กลัว  แต่อย่างน้อย ในใจเราก็รู้สึกผิดลึกๆแน่ๆ  หวาดระแวงไปตลอด  ความรู้สึกผิดมันติดตัวตลอดชีวิตนะคะ

มีเงินมาเที่ยวได้  ซื้อโทรศัพท์แพงๆได้ ซื้อแบรนด์เนมหรูๆได้  แต่แค่เงินไม่กี่บาท อย่าไปโกงเค้าเลยค่ะ

เรื่องนี้สอนพวกเราสองคนมากค่ะ  มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจ  และเล็งเห็นแล้วว่า คนที่จิตใจเจริญแล้วเขาไม่เอาเปรียบใคร แม้ว่าจะไม่ได้รวยล้นฟ้าก็ตาม

เพราะถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้น อยู่นาน พอเห็นมาเยอะ รู้แกว รู้วิธีหลบเลี่ยง มันก็เป็นสิ่งล่อใจมากๆนะคะ

“เฮ้ย..ไม่มีคนตรวจหรอก ซื้อตั๋วทำไม  เก็บเงินไว้ขึ้นกระเช้าดีกว่า”

“ซื้อมาทุกวันๆ อยากโชว์ตั๋วอ่ะ ไม่มีคนตรวจเลย ไม่ต้องซื้อหรอก”

ทุกครั้งที่เห็นคนส่วนใหญ่ขึ้นรถราง ก็ไม่ได้มีใครซื้อตั๋ว ตอกตั๋วนะ (เขาอาจมีตั๋วเดือน ตั๋วปีมั๊ง)  ทำให้เหมือนมีปีศาจมายั่วให้ทำผิด

บางครั้ง เราอาจจะรู้สึกว่าตัวเองฉลาด ที่ได้เปรียบคนอื่น  เก่งที่หลบเลี่ยงกฏได้  แต่จริงๆแล้วมันคือ ความโง่  ความเห็นแก่ตัว  และ ความขาดแคลนที่ตัวเองมีโดยไม่รู้สึกตัว

ถามว่า ไม่มีใครโกงจริงๆหรอ  แอดมินเชื่อมากๆเลยว่า “ต้องมีแน่ๆ”  (อาจตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ตาม)  ลองค้นหาในกูเกิลใช้คีเวิร์ด Train+Germany+Unpaid+Fine (หรืออื่นๆที่คิดออก) ก็จะเห็นเยอะแยะ


 

ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

โดนจับแล้วยังไง  ทำเป็นไม่มีเงินจ่ายก็สิ้นเรื่อง

แอดมินเคยอ่านมาว่า คนที่ไม่จ่าย เขาก็จะบันทึกหมายเลขพาสปอร์ต และให้เรากรอกที่อยู่  ถ้ากลับประเทศตัวเองไปได้แล้ว ผ่านไปเป็นเดือนๆ ก็จะมีจดหมายแจ้งหนี้มา

แน่นอนว่าต้องมีดอกเบี้ยอยู่แล้ว  จากที่ปรับหน้างาน 60 euro ก็อาจสูงขึ้นได้เป็น 200 euro เลยถ้าผ่านไปนานๆ  แล้วก็สูงขึ้นเรื่อยๆไปตามการณ์เวลา

แล้วยังไง  ไม่จ่ายซะอย่าง  หรือไม่ก็ให้ที่อยู่ปลอมๆ หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้รับจดหมาย

เขาก็คงจะไม่ให้เข้าประเทศเขาอีก  หรือทำให้เชงเก้นวีซ่าไม่ผ่าน   ถ้าคิดว่าชีวิตนี้จะไม่เข้าประเทศเขาอีกแล้ว หรือจะไม่ไปไหนเลยในยุโรปอีกตลอดชีวิต

แบบนี้คงจะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิต นอนร้องไห้ ฮือๆ ไม่ได้เที่ยวยุโรป เพียงเพราะไม่ยอมจ่ายค่าปรับเนี่ยะนะ

จริงๆถึงจะโดนปรับ ก็แค่ไม่กี่พันเอง  จ่ายค่าเครื่องบินเป็นหมื่นยังยอมจ่าย ซื้อไอโฟนเครื่องละสองสามหมื่นยังไม่สะท้าน

 

แล้วทำไมเขาไม่สร้างที่กั้นให้มันหมดเรื่องหมดราวไป

ถ้ามองในมุมของผู้ให้บริการนะ  รถไฟเนี่ยะมันมีมาน่าจะเป็นร้อยๆปีแล้วนะ  แล้วยุคนั้นเขาก็ไม่ได้สร้างที่กั้น ยังไม่มีระบบแบบปัจจุบันนี่นา

 

อ้าวแล้วทำไมไม่สร้างเพิ่มล่ะ สถานีดูแล้วน่าจะน้อยกว่าญี่ปุ่นเยอะเลยนะ

แอดมินคิดว่า คงไม่คุ้ม หรือไม่ก็ เป็นการเหยียดหยามน้ำใจ ที่หาว่าคนชาตินี้โกงค่ารถไฟ  หรือไม่ เขาก็ให้เกียรติประชาชน  หรือไม่ก็ คนส่วนใหญ่ยังมีจิตสำนึกอยู่


 

บ่นต่อ…

แต่ที่เคยอ่านมาจริงๆคือ ประเทศเขาปลูกฝังให้คนในชาติมีความซื่อสัตย์ เพื่อประเทศ เพื่อส่วนรวม

คิดดูว่าประเทศเยอรมนีแพ้สงคราม บ้านเมืองพังแทบหมด  แล้วเพิ่งได้รับอำนาจอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เมื่อปี 1991 (ปีนี้ 2016)

ไม่น่าเชื่อ แค่ 25 ปี หลังจากทำลายกำแพงเบอร์ลิน  ประเทศเขาก็สามารถเป็นผู้นำในหลายๆด้านในยุโรป  เป็นประเทศที่มีคนย้ายเข้ามากอันดับต้นๆ(คนที่ย้ายเข้าก็มีประสิทธิภาพด้วยนะคะ)  เป็นประเทศน่าอยู่อันดับต้นๆ เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีอันดับต้นๆ

25 ปี เทียบกับเมืองไทย  จริงๆเราตั้งหลักมาได้เป็นร้อยๆปีแล้วนะ  ถ้าเราไม่คิดแต่อยากจะได้ของฟรี ไม่คิดหวังจะพึ่งพาใคร  พวกนักการเมือง ผู้บริหารประเทศ รวมไปถึงระดับท้องถิ่น หรือระดับโรงเรียน หรือแม้กระทั่งในบ้านเราเอง  ก็ไม่สามารถซื้อเราได้หรอกค่ะ  นั่นก็แปลว่า ทำให้ไม่มีการ “โกงกิน” กันไงคะ

 

บางครั้งเราอาจไม่ได้มาด้วยสิ่งของ แต่มันมาในรูปแบบอื่นๆ เช่น วันหยุด ดูงาน อบรม(ปลอมๆ) คอนเสิร์ต บันเทิง ลาภ ยศ ชื่อเสียง ฯลฯ

ถ้าเราไม่หวังเรื่องแบบนี้  เราคิดแต่จะทำหน้าที่ของเรา  ทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ขาดแคลน และอยากแบ่งปัน

ถ้าถึงจุดนั้นได้  ประเทศเราจะก้าวหน้าเร็วมากๆนะคะ  เพราะนี่ขนาดเป็นแบบนี้ยังเติบโตได้ขนาดนี้  ปลูกพืชก็ดี ทะเลก็เยอะ ภูมิประเทศก็เจ๋ง คนก็ใจดี เหลืออยู่อย่างเดียวค่ะ ไม่ใช่ผู้บริหารนะคะ อย่าโทษผู้นำ  แต่เป็น “ตัวเรา”  เองนั่นแหละ (ถ้าผู้นำไม่ดี ทำไมเราเงียบ ทำเป็นลืม และเลียกันต่อล่ะคะ)

ลองไปคิดดูต่อละกันนะคะ  เพราะบ่นมายาวนอกเรื่องมากไปแล้ว

 

สุดท้ายแล้วค่ะ …เราจะอยากแบ่งปัน อยากทำเพื่อส่วนรวม ก็ต่อเมื่อ เรารู้สึกว่าตัวเองมีเหลือเฟือ เหลือใช้ แล้วใช่มั้ยคะ

ดังนั้นจงหาว่าจริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไร  แล้วตอนนี้มันพอหรือยัง ถ้ายังไม่พอ เท่าไหร่ถึงจะพอ ทำยังไงถึงจะพอ  มากแค่ไหนถึงจะยอมแบ่งปัน

แล้วความรู้สึกอยากเอาเปรียบผู้อื่น  มันก็จะหายไป (ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงิน ไม่ต้องเป็นเศรษฐีก็ทำได้)

 

“จงอยากแบ่งปัน  แต่อย่าหวังของฟรี”


 

วิดีโอ  Frankfurt Flughafen Airport to Frankfurt Hbf : Germany-Austria Travel Vlog Ep13

 


รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1


 

 

 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


3 thoughts on “เข้าเมือง Frankfurt”

  1. ถ้าลง ที่ frankfurt เช้า แล้วต้องเข้าไป Eschborn แล้วกลับมา Frankfurt แล้วกลับไปนอนที่ ecshborn อีกทีนึงในวันเดียวกัน เลือก ตั๋วยังไงดีครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.