รีวิว เที่ยวยุโรป Season1 Day11 เที่ยว Lindau-Ulm
สำหรับเช้านี้เราจะ Day Trip ไปกลับ จากมิวนิค ไปที่ Lindau เมืองท่า ติดชายแดน 3 ประเทศ เมืองเก่าบนเกาะ วิวทะเลสาบ สวยติดตา และแวะเมือง Ulm ดูโบสถ์ที่เขาว่าสูงกว่าโบสถ์ที่โคโลญกันค่ะ
แต่ก่อนอื่นขอเล่าวิธี การเดินทางไป Lindau ที่แสนจะแอดแวนเจอร์สักหน่อยค่ะ
ตั๋วที่ใช้เดินทาง
พวกเราเลือกใช้ Bayern ticket แม้จะใช้กันสองคน แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุดแล้วค่ะ
ก่อนหน้านี้เคยเจอตั๋ว Regio ticket Allgau-Schwaben
ราคา 25 ยูโร ถูกกว่า Bayern ticket(28 ยูโร)
ดูจากเวป bahnland-bayern.de (เข้าเมนู Ticket นะคะ)
ใช้ไป Lindau , Ulm ที่จะไปวันนี้ได้เหมือนกัน แต่…มันไม่สามารถใช้ขึ้น Bus , Tram , Local Train ในมิวนิคได้ค่ะ ก็เลยไม่เอา เหมือนใช้เดินทางระยะไกลอย่างเดียว
ตั๋วแต่ละประเภทในเวปที่ว่า ก็มีเยอะจนลายตาค่ะ ถูกกว่านิดหน่อย แต่ต้องดูเงื่อนไขดีๆนะคะ พวกเราก็เลยคิดว่าใช้ Bayern ticket นี่แหล่ะ เหมาะที่สุดแล้ว
มหกรรม ต่อรถ 3 ต่อ
จริงๆแล้วมีรถไฟตรงจาก Munich ไป Lindau เลย ไม่ต้องเปลี่ยนสายอะไรก็มีนะคะ
แต่ต้องรอบ 10 โมงเกือบครึ่ง กว่าจะไปถึงก็ บ่ายกว่าๆ
พวกเราเลยเลือกสายลำบาก เปลี่ยนรถ 3 ต่อ คือ
ต่อที่1 Munich – Immenstadt
รถไฟยี่ห้อ Alex
ภายนอกดูเหมือนรถร่วมที่สีน้ำเงินเหลืองบ้านเรา ดูงั้นๆ
แต่พอเข้าไปด้านในแล้ว นี่มันที่นั่งแบบในหนังแฮรี่ พอตเตอร์ เลยนี่นา
ที่นั่งก็สะอาด ดี๊ดี นั่งไปประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อที่2 Immenstadt – Oberstaufen
เส้นนี้ต้องใช้รถบัส ซึ่งตามตารางแล้ว มีเวลาเดินจากรถไฟ ไปขึ้นรถบัสแค่ 5 นาที
พวกเราก็นึกว่ามันจะอยู่ไกล ก็เลยวิ่งซะหอบเลย พอเอาเข้าจริงมันก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง
แต่ปัญหาก็คือ ในตารางเวลาบอกรถออก 10.07
พวกเรารอมาเกือบครึ่งชั่วโมง เลยเวลาแล้ว คนขับก็ไม่เห็นมาซักที มีแต่ตัวรถเปล่าๆ
อ๊ะ…นึกว่าพวกเรารอผิดคันหรือเปล่า ใช่มั้ยล่าาา….
ไม่เลยค่ะ เพราะหน้ารถก็เขียนขัดเจนว่า สาย 39 Immenstadt – Oberstaufen
แล้วก็ไม่ใช่พวกเราเท่านั้นที่ยืนบ่นอยู่ ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกนับ 20 กว่าคน
บางคนกดเบอร์ติดต่อที่ข้างรถ โทรถามก็ไม่เห็นได้เรื่องอะไร เหมือนจะไม่มีคนรับสาย
แต่ละคนก็เหวี่ยงพอๆกับพวกเราแหล่ะค่ะ
สรุปกลายเป็นว่า ผู้โดยสารต้องขึ้นรถคันถัดไปรอบ 10.40 นั่นเองค่ะ
(รอกันเกือบ 50 นาทีแน่ะ)
ปล.ถนนเส้นนี้วิวข้างทางสวยมากค่ะ
ต่อที่3 Oberstaufen – Lindau
รอบนี้จะเป็นรถไฟแล้วนะคะ เดินทางไม่นานก็ถึง Lindau แล้วค่ะ
ที่จอดรถบัส อยู่หน้าสถานีรถไฟเลยค่ะ
ถึงจะหลายต่อ ถึงจะหงุดหงิดที่รถไม่ออกตามเวลา ถึงจะเหนื่อย แต่วิวมันสวยจริงๆค่ะ
แต่ถ้าใครไม่อยากต่อหลายต่อ ก็มีรถไฟตรงนะคะ ไม่ต้องมาลำบากลำบนแบบพวกเรานะ
แต่จำได้ว่ามีวันละ 2 รอบเองค่ะ ไปค้างเลยนะ อย่าไปกลับแบบพวกเรา เดี๋ยวจะเสียดาย
ทำไมถึงสนใจ Lindau
เมือง Lindau มีทั้งพื้นที่ในส่วนของแผ่นดินใหญ่ และส่วนที่เป็นเกาะ แต่ที่ทำให้พวกเราสนใจเมืองนี้ก็คือ ส่วนที่เป็นเกาะนี่แหล่ะค่ะ และที่สำคัญคือ เมืองเก่ามันอยู่บนเกาะด้วยค่ะ
ดูจาก Old town hall และโบสถ์เก่าๆต่างๆ ก็อยู่บนเกาะเล็กๆอันนี้ทั้งนั้น โดยเฉพาะ Lindau Hbf ก็วิ่งมาถึงบนเกาะด้วย ส่งกันถึงที่เลยทีเดียว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า เมือง Lindau เริ่มต้นมีมาตั้งแต่ปี 882 แล้วนะคะ แต่ที่สงสัยที่สุดก็คือ เขาจะลำบากลำบนมาสร้างเมืองบนเกาะทำไมนะ สมัยก่อนก็คงยังไม่มีทางเชื่อม
จุดเดียวเห็น 3 ประเทศ
Lindau เป็นเมืองที่มีเขตแดนติดอีกสองประเทศก็คือ ตะวันออกติดออสเตรีย และทางใต้ติดสวิตเซอร์แลนด์
ยิ่งขึ้นไปดูวิวบนประภาคาร จะเห็นได้รอบทิศ เห็นเทือกเขาน้ำแข็งของสวิตเซอร์แลนด์ด้วย สวยจริงๆค่ะ
ส่วนทะเลที่เห็นกว้างๆแบบนี้ มันคือทะเลสาบนะคะ
ภาษาอังกฤษเรียก Lake Constance
แต่ภาษาเยอรมันเรียก Bodensee
ถือว่าเป็นจุดที่ประทับใจที่สุด
สามารถนั่งเรือไปเมืองใกล้เคียง อย่างออสเตรีย กับสวิตเซอร์แลนด้ด้วยค่ะ
ถนนเชื่อมเกาะ
ปัจจุบันมีทางเชื่อมระหว่างเกาะ และแผ่นดินใหญ่ 2 ทางคือ
เส้นทางรถไฟ(ไกลกว่า) และเส้นทางรถ(ใกล้กว่า)
และการเดินทางก็สะดวกสบาย ลงรถไฟที่ Lindau Hbf ปุ๊บ ก็จะเจอ Landmark แล้วค่ะ ซึ่งได้แก่
– Lindau lighthouse เป็นประภาคาร ที่เราสามารถขึ้นไปดูวิว(สวยมากๆ)อย่างกับสวรรค์ชั้น7(มันมี7ชั้นนี่นา) ในราคา 2.1 ยูโร
– Bavarian lion เป็นรูปปั้นที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Lindau ไปซะแล้ว (อยู่ตรงข้ามกับประภาคาร)
– Mangturm เป็นประภาคารเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่13 ไม่สูงมาก แต่ดูสะดุดตาค่ะ
Old town
อย่างที่บอกว่าเมืองนี้มีมานานเป็นพันปีแล้ว Old town hall ก็ตั้งมาหลายร้อยปีแล้ว
ดังนั้น ทั่วทั้งเกาะก็จะมีบ้านเรือน โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ ตึกเก่าเพนท์ลาย
ถึงจะเป็นเกาะไม่ใหญ่ แต่เดินเล่นชมเมืองได้ทั้งวันก็ไม่เบื่อค่ะ
จุดที่ต้องเดินไปดูก็คือ Old town hall, St. Stephan’s church , Stadtmuseum
ประวัติ Lindau
เป็นไปได้ว่าเมื่อก่อนเมืองนี้ มีต้นมะนาวเยอะ ก็เลยให้ชื่อเมืองว่า Linde
ภาษาเยอรมัน Linden tree ก็คือต้นมะนาว
ปัจจุบันอาจเพี้ยนมาเป็น Lindau
ชื่อ Lindau ถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่ค.ศ.882 โดยพระชื่อว่า St. Gallen
สังเกตุว่าถ้าข้ามไปฝั่งสวิสเซอร์แลนด์ จะเจอโบสถ์ St. Gallen แต่ไม่มีชื่อโบสถ์นี้ใน Lindau นะคะ
ปี1802 หลังจาก Lindau กลายเป็นเมืองอิสระ จากการล่มสลายของอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
เมืองนี้ก็ถูกยกให้อาณาจักรออสเตรียในปี1804
แต่ว่าในปีถัดมาออสเตรียก็คืน Lindau ให้กับบาวาเรียอยู่ดี
ปี1853 มีการสร้างทางรถไฟเชื่อมเข้ามาที่เกาะ และต่อไปถึงมิวนิคด้วย
ไม่น่าเชื่อ ร้อยกว่าปีแล้วนะเนี่ย
จะว่าไป เมืองนี้เค้าเสิร์ฟความสะดวกกันจริงๆค่ะ เพราะถึงขนาดโยงรถไฟข้ามเกาะกันมาเลย
จากนั้น landmark รูปสิงโต กับ lighthouse ที่เป็นจุดเด่นของที่นี่ ก็ถูกสร้างขึ้นในปี 1856
ปัจจุบันเมือง Lindau กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพราะนอกจากภูมิทัศน์ที่สวยแล้ว
ยังเป็นสถานที่จัดประชุม ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลด้วย โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 1951 แล้วค่ะ
สรุป
– ประทับใจมาก เสียดายที่สุดที่ไม่ได้ค้าง
– อยากนั่งเรือข้ามไปสวิตเซอร์แลนด์ (ราคาเอาเรื่องอยู่นะ)
– วิวสวยมาก โดยเฉพาะบนประภาคาร
– ชายหาดรอบเกาะ เดินได้ไม่มีเบื่อ
– พวกเราใช้เวลาที่เมืองนี้ประมาณ 4 ชม. เดินครบนะ แต่ยังไม่หนำใจ อยากเดินข้ามไปฝั่งแผ่นดินใหญ่ด้วย
– ทุกอย่างติดตาน่าชมไปหมด แต่ขัดใจแค่อย่างเดียวค่ะ “แมลงเยอะมากๆๆๆๆๆ”
เดินๆอยู่จะมีแมลง หรือยุงไม่รู้นะ บินวนเป็นกลุ่มๆ เดินผ่านฝูงมันต้องหลับตาวิ่งน่ะค่ะ ออกมาจากฝูงมันแล้ว มันยังมาติดเสื้อ ติดผมเราอีก ปัดแทบตายอย่างกะคนบ้า หันหลังไปมองคนอื่น ทำไมเค้าเดินกันเฉยเลยก็ไม่รู้
เที่ยว Ulm
หลังจาก เที่ยว Lindau จบแล้ว พวกเราไปต่อทันที ที่เมือง Ulm ในตอนเย็น ไปดูกันว่า เที่ยว Ulm แบบชะโงกทัวร์ของเราจะเป็นอย่างไร
ทำไมอยากไป Ulm
ด้วยความละโมบของแอดมินเองค่ะ ตอนวางแผนอยากไปให้มันทั่ว 3 เมือง Lindau , Ulm , Augsburg
แต่พอเข็ดกับการกลับดึกเมื่อวันก่อน ที่มันมืดมาก ก็เลยจำใจตัด Augsburg ออกไป
แต่ Ulm ยังอยากไปดูอยู่ แต่กว่าจะถึง Ulm ก็ 6โมงครึ่งแล้วค่ะ โชคดีที่ฟ้ามืดช้านะเนี่ยะ
ที่อยากไป Ulm ด้วยเพราะ เห็นว่าเป็นบ้านเกิดของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
แต่จุดดึงดูดของเราไม่ใช่ไอน์สไตน์หรอกค่ะ แต่เป็นโบสถ์ที่สูงที่สุดต่างหาก ชนะโบสถ์โคโลญด้วยนะคะ
ชะโงกเที่ยว Ulm
ไม่อยากใช้คำว่า “เที่ยว” เลยค่ะ เพราะเท้าแตะชานชาลา Ulm Hbf ปุ๊บ ก็จ้ำหาโบสถ์สูงๆทันที
แต่หาไม่เจอค่ะ มองไปรอบๆ บ่นออกมาเลย “เนี่ยะหรอ อูลม์” “ทำไมไม่เป็นอย่างที่คิดล่ะเนี่ยะ”
พวกเราตรงไปยังโบสถ์สูงที่เห็นจากที่ไกลๆ ทำให้ไม่ต้องพึ่งแผนที่เลยค่ะ
ระหว่างทางให้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างค่ะ
ไปถึงเห็นโบสถ์สูงตระหง่าน ท่ามกลางตึกสมัยใหม่
ตัวโบสถ์สวยค่ะ สวยมากๆจริงๆ ข้างในโบสถ์ก็สวย ใหญ่โต
และที่สำคัญคือ สามารถขึ้นบันได(768 ขั้น) ไปชมวิวด้านบนได้ด้วยนะคะ ค่าขึ้น 5 ยูโร
ถือว่าสูงมากๆค่ะ แค่หอคอยเตี้ยๆที่ผ่านมาก็แทบแย่แล้ว ถ้าขึ้นที่นี่อีกคงต้องหาโรงแรมค้างกันล่ะค่ะ
มา Ulm ควรรู้
เมือง Ulm มีประชากรประมาณ 120,000 คน เป็นสถานที่เกิดของ Albert Einstein
เมือง Ulm มักมีหมอกลง ขนาดปิดยอดโบสถ์ Ulm Minster มิดได้เลยนะคะ
Ulm Minster เป็นโบสถ์ที่มียอดสูงที่สุดในโลกคือ 161.53 เมตร
สูงกว่า Dom ในโคโลญนิดนึง (157 เมตร)
ทั่วเมืองจะมีรูปปั้นนกกระจอก ที่ชาวเมืองจะเรียกเล่นๆกันว่า Spatzen
ก็เลยถือว่า Spatzen เป็นสัญลักษณ์ของเมืองอูลม์ก็ได้ค่ะ
…..ทำไมต้องนกกระจอก?…..
มีตำนานเล่าว่า ขณะที่คนงานก่อสร้างโบสถ์ กำลังปวดหัวคิดอยู่ว่า จะเอาไม้ขึ้นไปที่ยอดโบสถ์ยังไง
ขณะนั้นเอง ก็เห็นนกกระจอกขนฟางเข้ามาในโบสถ์ เพื่อสร้างรังของมัน โดยมันจะคาบในแนวตรง
ก็เลยได้ไอเดียง่ายๆแบบนี้ ในการก่อสร้างโบสถ์ Ulm
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นึกแต่จะเอาไม้ขึ้นไปตามแนวขวาง ก็เลยแก้ปัญหาไม่ตกซะที
Event
มีตลาด Farmers’ Market ทุกวันพุธกับวันเสาร์ ตั้งขายหน้าโบสถ์ Ulm Minster
(พวกเราไปวันพุธพอดี ไม่รู้ยังมีอยู่มั้ย)
เทศกาล Schwörmontag มีการจัด Nabada หรือ water parade ที่แม่น้ำดานูบ ทุกปี ในวันจันทร์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม
พวกเราไปเดือนเมษายน
จบชะโงกเที่ยว
หลังจากชมโบสถ์ Ulm Minster จบ ก็ต้องรีบกลับไปที่ Hbf แล้วค่ะ
เพราะเรามีเวลากับที่นี่แค่ 1 ชม. กว่าๆเท่านั้น
ชะโงกเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบเลยใช่มั้ยคะ
จริงๆถ้าได้เดินลงมาทางทิศใต้ของ Ulm Minster อีกหน่อย เดินไปทางแม่น้ำดานูบ
ตรงนั้นจะมีจุดชมวิวที่สวยกว่า บ้านเรือนแบบเก่าๆ และวิวแม่น้ำด้วยค่ะ
สรุป
– คงตัดสินเมืองนี้ไม่ได้ค่ะ เพราะเราให้เวลาที่นี่น้อย
– แต่ถ้าจะให้วิจารณ์ตามเวลาที่ให้ ก็คงบอกว่า ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ค่ะ ที่จะเสียเวลาเดินทางมาเพื่อดูโบสถ์อย่างเดียว
– ถ้าเอาเวลาไปอยู่ต่อที่ Lindau ต่อ น่าจะดีกว่าค่ะ
จบจาก Ulm พวกเราก็นั่งรถไฟกลับมิวนิค 3 ทุ่ม มืดมาก เงียบกริบ คิดว่าคงจะไม่กลับดึกอีกแล้ว น่ากลัวมากค่ะ
สรุปตั๋วที่ใช้เที่ยว Lindau-Ulm
- Bayern Ticket 2 คน 28 ยูโร
- ไม่มีค่าเข้าสถานที่ใดๆอีก
วางแผนเที่ยว Lindau-Ulm-Augsburg (วางแผนไว้ว่าจะไป 3 เมือง แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ทันค่ะ แล้วเราก็อยากอยู่ที่ Lindau นานๆ ก็เลยตัด Augsburg ออกค่ะ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ