เที่ยวยุโรป Season1 Day13 เที่ยว Innsbruck
เช้านี้พวกเราจะออกจาก Munich เพื่อไป Innsbruck กันต่อ ด้วย Flixbus ในราคา 8 ยูโร ใช้เวลา 2.20 ชม. แล้วจะค้างกันที่อินส์บรูคกัน 1 คืนค่ะ
ระหว่างทางมีแวะรับคนที่ Garmisch-Partenkirchen ด้วยค่ะ (จะไปวันถัดไป)
วิธีไป Innsbruck จากมิวนิค
วิธีที่ 1. ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว Munich-Innsbruck คนละ 34.3 euro
วิธีที่ 2. ซื้อ Bayern ticket ไปลง Mittenwald + ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไป Innsbruck 10.5 รวมคนละ…
– กรณีนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนคนแล้วค่ะ เพราะ Bayern ticket คนเดียว 23 ยูโร (2016)และบวกเพิ่มคนละ 5 ยูโร ได้มากสุด 5 คน
– เช่น ถ้ามา 2 คน(อย่างพวกเรา) 28 ยูโร + 21 ยูโร = 49 (เฉลี่ย 25 ยูโรต่อคน) แต่ถ้ามา 5 คน 43 ยูโร + 52.5 = 95.5 (เฉลี่ย 19 ยูโรต่อคน) ยังไงก็ยังแพงกว่า Flixbus อยู่ดีค่ะ
วิธีที่ 3. Flixbus คนละ 8 ยูโร (ชนะเลย)
มาถึง Innsbruck แล้ว
หลังจากนั่ง Flixbus มาได้ 2 ชั่วโมง 20 นาที พวกเราก็มาถึงเมืองอินส์บรูค ที่ที่พักแสนแพงกันค่ะ
พวกเราก็ต้องหาทางกำจัดกระเป๋าพวกนี้ก่อน โดยการไปลุ้นที่โรงแรมว่าจะให้เช็คอินก่อนเวลาได้หรือเปล่า
แต่ก็ตามคาดค่ะ ถ้าไม่ใช่ ibis(สีแดง) เช็คอินก่อนไม่ได้แน่ๆ ก็ต้องฝากกระเป๋าที่โรงแรมไว้ก่อนแล้วก็ออกตะลุยที่เที่ยวกันทันทีค่ะ
โรงแรมที่เลือก : Hotel Goldene Krone
สำหรับวันนี้พวกเราไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลเหมือนคนอื่นๆนะคะ เหตุผลเดียวคือ “มันแพงค่ะ” เดินเที่ยวแต่ในเมืองแหล่ะ มีเวลาแค่วันเดียว แค่เดินในเมือง เข้าพิพิธภัณฑ์ ก็หมดเวลาแล้ว
Innsbruck มีอะไรน่าดู
Landmark เด่นๆ
1. Triumphpforte (Triumphal arch)
เป็นประตูหลัก ทางเข้าเมือง Innsbruck ทิศใต้ เห็นภาษาไทยเขาเรียกกันว่า “ประตูชัย” แต่ไม่ได้สร้างมาเพื่อฉลองชัยชนะอะไรนะคะ ตรงกันข้ามค่ะ เขาสร้างขึ้นเพราะ “การสูญเสีย”
คือพระนางมาเรีย เทเรซ่า จักรพรรดินี แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงศตวรรษที่18 พระองค์ทรงเสียใจมาก ที่พระสวามี(Francis I Stephen) เสียชีวิตอย่างกระทันหัน
หลังงานเฉลิมฉลองการแต่งงานของลูกชายเพียงไม่กี่วัน ก็เลยอยากสร้างอะไรไว้เป็นอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงสามีอันเป็นที่รัก
สังเกตุว่า จะมีรูปแกะสลักเป็นรูปหน้าของลูกชาย(ที่จะได้เป็นจักรพรรดิองค์ถัดไป ที่ชื่อ Emperor Leopold II) กับภรรยาของเขาคู่กันด้วยค่ะ และด้านบนประตู ก็จะเป็นรูปแกะสลักของพระนางมาเรีย เทเรซ่าอีกด้วย
Triumphpforte อยู่กลางสี่แยก และอยู่หน้าโรงแรม Goldene Krone ที่พวกเราพักเลยค่ะ
2. Annasäule หรือ Anna’s column
เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึกถึงทหารกล้าชาว Tyrol (Innsbruck อยู่ในแคว้น Tyrol) ที่ได้ขับไล่กองทัพชาว Bavarian ได้สำเร็จ
เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อ 26 กรกฏาคม 1703 และถือว่า ทุกวันที่ 26 กรกฏาคม เป็นวัน St. Anne’s day
ถ้าเดินเมืองเก่า ต่อให้หลับหูหลับตาเดินยังไง ก็ต้องมาเจอถนนคนเดินสายหลักที่ชื่อ Maria Theresien Strasse
ถนนกว้าง และยาวมาก สองข้างทางก็เต็มไปด้วยร้านค้า ตึกเก่าแก่ รวมถึง City hall ก็อยู่แถวนั้นค่ะ Anna’s column จะตั้งโดดเด่นอยู่ตรงกลางถนนนั้นเลย
แถมยังมี Background ที่เป็นภูเขาปกคลุมด้วยน้ำแข็ง สวยมากๆค่ะ
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
1. Old town
โดยส่วนตัวแล้วยังไม่ซาบซึ้งกับเมืองเก่าของ Innsbruck มากซักเท่าไหร่ค่ะ เพราะมันไม่ได้เก่าเลย ดูจะทันสมัย แถมยังมีตึกสมัยใหม่แทรกตึกสมัยเก่าอีกเยอะแยะ ปะปนกันแบบน่าเสียดายจริงๆ ทั้งๆที่วิวภูเขา และรอบข้าง สวยมากๆ
แต่โดยรวมถือว่าสวย น่าเดิน นะคะ ยังไงก็ต้องมาเดินเล่นซักรอบนะคะ พื้นที่เดินไม่เยอะมากค่ะ ถ้าจงใจจะเดินอย่างเดียวจริงๆ แค่ 2 ชม. ก็หมดแล้วค่ะ
2. Golden roof
เป็นระเบียงหลังคาทอง (~ปี 1500) ที่ยื่นออกมาจากตึกที่เคยเป็นวังมาก่อนนะคะ
จริงๆตึกนั่นเป็นวัง ที่มีบรรพบุรุษของตระกูลฮับสบูร์ก ได้สร้างมาก่อนอยู่แล้ว แต่พอ Emperor Maximilian I ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิในภายหลัง ก็อยากลบข่าวลือในช่วงนั้น ที่ว่าท้องพระคลังกำลังย่ำแย ก็เลยสร้างระเบียงหลังคาทองนี้ขึ้นมา
อีกทั้ง พระเจ้า Maximilian I ชอบทำเลตรงนี้มาก เพราะได้เห็นการใช้ชีวิตของผู้คน และวิวที่สวยงาม และที่นี่ก็เป็นที่โชว์ตัว พบปะประชาชนอีกด้วย
Maximilian I เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์องค์ที่สอง ของตระกูลฮับส์บูร์ก ต่อจากพ่อ(Frederick III)
ยุคของ Maximilian I ถือว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูที่สุดยุคหนึ่ง ของตระกูล Habsburg เลยทีเดียว
และองค์นี้แหล่ะที่เป็นคนขยาย Hofburg Innsbruck ให้ใหญ่โตสมฐานะจักรพรรดิล่ะค่ะ
คือ Hofburg จะมี 2 ที่นะคะ คือที่ Vienna และ Innsbruck
Hofburg ที่ Vienna เป็นวังหลักของตระกูล Habsburg ตั้งแต่ศตวรรษที่13 แล้ว
Hofburg ที่ Innsbruck เป็นวังพักผ่อนที่เพิ่งสร้างทีหลัง ในสมัยของ Emperor Maximilian I
3. Hofburg (Imperial palace, Innsbruck)
เป็น 1 ใน 3 วังสำคัญของ Austria ซึ่งได้แก่
– Hofburg ที่เวียนนา
– Hofburg ที่ Innsbruck
– Schönbrunn Palace ที่เวียนนา
คือจริงๆแล้ว ที่นี่เดิมทีเป็นป้อม ปราสาท หอคอย ตั้งแต่ยุคกลางมาก่อนแล้ว
ตอนนั้นต้นตระกูลฮับส์บูร์ก ยังไม่ได้มาครอบครองที่นี่(แคว้น Tyrol)
แต่พอตระกูลฮับส์บูร์กเข้ามาปกครองที่นี่ได้ (รุ่นปู่ ~ปี1360)
ก็ย้ายมาใช้ Innsbruck เป็นเมืองหลวง และสร้างวังใหม่ขึ้นมา(ตึกที่มีหลังคาทอง ~ปี1400)
ต่อมาก็สร้างที่พักอื่นๆ ขยายไปพื้นที่รอบๆ (พื้นที่ที่เป็น Hofburg ~ปี1450)
พอมาถึงรุ่นหลาน คือยุคของ Emperor Maximilian I ก็ได้ขยาย Hofburg และปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่ (~ปี1500)
ต่อมารุ่น Empress Maria Theresa (ปี~1780) เห็นว่า Hofburg ที่ Innsbruck มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม
ก็เลยเลือกวังแห่งนี้ เป็นที่จัดฉลองแต่งงานให้ลูกชาย(ที่จะขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ถัดไป)
แต่เกิดเรื่องน่าเศร้าที่ผู้เป็นสามี ต้องมาเสียชีวิตอย่างกระทันหัน หลังงานแต่งงานเพียงไม่กี่วัน พระนางมาเรีย เทเรซ่า ก็เลยเปลี่ยนห้องนั้นให้กลายเป็นโบสถ์เล็กๆในวัง
วังนี้เคยได้ต้อนรับเจ้านายหลายพระองค์ที่ รวมถึง Sisi คนที่เราต้องได้ยินชื่อแน่ๆเมื่อไปออสเตรีย
4. Dom zu St. Jakob
หรือ Innsbruck Cathedral หรือ Cathedral of St. James
เป็นโบสถ์ประจำเมือง Innsbruck สร้างขึ้นช่วงศตวรรษที่18
5. Jesuitenkirche
ด้านในสวยงามมากๆ ตอนเข้าไปมีเสียงดนตรีเพราะมากจริงๆค่ะ
ด้านล่างใต้ดินจะเป็นป้ายผู้เสียชีวิต
สถานที่ที่น่าสนใจอื่นๆใน Innsbruck
Stadtturm (City tower)
เป็นหอคอยเก่า ที่เราสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนได้นะคะ
ค่าขึ้น 3.5 ยูโร(2016) ถือว่าแพงกว่าที่อื่นที่เคยขึ้นมา (~2ยูโร)
แต่พวกเราไปตอนช่วงที่ยังปิดอยู่ค่ะ กว่าจะเปิดก็เดือนมิถุนายน ก็เลยอดขึ้นเลย
Nordkette
เป็นภูเขาที่ขึ้นไปเล่นสกี ดูวิว เป็นที่ที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง แต่พวกเราไม่ได้ไปค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายแพงเกินงบ และไม่ได้จัดเวลามากขนาดนั้น แค่เดินเมืองเก่าก็ใช้เวลาถึงค่ำแล้ว ถ้าไปภูเขาอีก น่าจะต้องอยู่ต่ออีกวันค่ะ
และเหตุผลสำคัญที่ไม่ได้คิดจะไปคือ “มันหนาว” ต้องใส่ชุดเหมือนไปเล่นสกีเลยนะคะ มันจะมีทางลงใต้ดิน ใกล้ๆสวน แล้วก็ขึ้นรถไฟเฉพาะของเขา ขึ้นไปทางทิศเหนือนิดหน่อยก็จะเป็นจุดขึ้นกระเช้าค่ะ
Inn River
จริงๆแล้วการเดินเลียบแม่น้ำ นี่ต่างหากค่ะ เป็นเป้าหมายหลักของพวกเรา แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ น้ำใส ไหลแรง เหมือนเป็นหิมะที่ละลายมาจากยอดเขาเลย
เคยดูในรูปแล้วเห็นมีตึกสีๆเรียงกัน วิวภูเขาน้ำแข็ง น้ำในแม่น้ำ โหย…สวยมากค่ะ
แต่พอมาเห็นสถานที่จริงๆ แหม…จุดนั้นน่ะมีจริงค่ะ แต่มันมีแค่ฉากเดียวนะ ตรงส่วนอื่นไม่มีค่ะ แถมยังมีคอนโดสมัยใหม่ขึ้น กันเต็มไปหมด
แต่โดยรวมถือว่าก็ยังสวยนะคะ
Inn bridge = Innbrücke = สะพานข้ามแม่น้ำ Inn
ส่วนชื่อเมืองนี้คือ Innsbruck นะคะ
สรุปความรู้สึกกับที่ Innsbruck
1. โดยรวมถือว่าสวยค่ะ น่ามาเดินเล่น ดูวิว แต่ก็ยังต่ำกว่าที่คาดหวังไว้เยอะค่ะ(คาดหวังสูงตลอด)
2. ที่นี่จะออกแนวเดินเล่น และขึ้นกระเช้าไปบนเขา บนนั้นน่าจะสวยมากๆ (และหนาวมากๆ) แต่พวกเราไม่ได้คิดจะไปค่ะ เลยบอกไม่ได้มาก
3. ตึกรามบ้านช่องไม่ได้ดูสไตล์เก่าอย่างที่คิด แถมยังมีตึกทันสมัยเริ่มแทรกเข้ามาอย่างน่าเสียดาย
4. มีความรู้สึกเหมือนเมืองท่องเที่ยว พักผ่อนของคนมีตังค์ ต้องการความสะดวกสบายทันสมัย เล่นสกี
5. แต่ต้องย้ำว่า สวยมากนะคะ เมืองนี้ (หมายถึงสิ่งแวดล้อม ภูเขา)
6. ถ้าไม่เคยไป ยังไงก็แนะนำว่าต้องไปให้เห็นนะคะ ความรู้สึกอาจจะต่างกันในแต่ละคน และช่วงเวลาก็ได้นะ
7. อาจจะไปโฉบ ไปเช้า เย็นกลับจากมิวนิคก็ได้ค่ะ
8. ถ้าให้เปลี่ยนได้พวกเราคงจะไม่ค้างที่นี่ค่ะ จะไปค้างที่ Garmisch แทน
9. วัง Hofburg Innsbruck ก็อยากแนะนำให้เข้านะคะ คือไม่ได้หรูหราอลังการอะไรมาก แต่แสดงประวัติดีมาก และห้องเยอะมาก มี Audio guide ให้ด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ