เที่ยวยุโรป SS1 D22 เที่ยว Hallstatt
เมื่อคืนเราพักกันที่ Bad Ischl ใกล้ St. Wolfgang ส่วนเช้านี้เราจะไปต่อกันที่ Hallstatt เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ Hallstättersee ที่ยอดฮิต และทัวร์ลงเยอะ ก็มันสวยจริงๆนี่ แต่แน่นอนว่าค่าที่พักก็แพงด้วยเหมือนกัน ดังนั้นเราจึงระเห็ดไปพักกันที่เมือง Obertraun ซึ่งอยู่ไม่ไกลค่ะ ไปดูกันว่า ไปยังไง พักที่ไหน…
การเดินทางไป Hallstatt
ไม่ว่าจะมาทาง Salzburg หรือ Vienna ก็ต้องผ่าน Bad Ischl อยู่ดี (ส่วนใหญ่อ่ะนะ) ถ้าจาก Salzburg นั่งบัสสาย 150 (~9-12 euro) ไปลง Bad Ischl แต่จะลงหรือไม่ก็ขึ้นกับว่าเราจะไปแบบไหน เลือกทางเดินของตัวเองตามไกด์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
กรณีพัก Obertraun
นั่งรถไฟจาก Bad Ischl ไป Obertraun Dachsteinhöhlen Bahnhof (~4.7 euro)
นั่งเรือจาก Obertraun ไป Hallstatt Lahn (มีเฉพาะหน้าร้อน)
หรือ
ขึ้นบัสสาย 543 จาก Obertraun ไป Hallstatt Lahn (2.1 euro)
กรณีพัก Hallstatt วิธีที่ 1
นั่งรถไฟจาก Bad Ischl ไป Hallstatt Bahnhof (รถไฟ 4.7 euro)
แล้วเดินไปขึ้นเรือที่ท่าชื่อว่า “Hallstatt Bahnhst” (อยู่ติดกับสถานีรถไฟ)
นั่งเรือจาก Hallstatt Bahnhst ไป Hallstatt Markt ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม (2.5 euro)
กรณีพัก Hallstatt วิธีที่ 2
ขึ้นบัสสาย 542 จาก Bad Ischl ไป Hallstatt Gosaumühle
จากนั้นเปลี่ยนเป็นบัสสาย 543 จาก Hallstatt Gosaumühle ไป Hallstatt Lahn (เดินเอาได้นะ ไม่ถึง 2 กม.ค่ะ ป้ายรถเมล์เดียว ประหยัดตังค์ไปเกือบร้อยแน่ะ)
ค้นหาเส้นทางจากเวป http://fahrplan.oebb.at/
Hallstatt มีอะไรน่าเที่ยว
จุดไฮไลท์จะอยู่ที่ท่าเรือ Hallstatt Lahn กับ Hallstatt Markt ตรงนั้นจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว และทัวร์ เป็นจุดชมวิวบ้านเรือนที่สร้างอยู่ตามตีนเขา รวมถึงโบสถ์ประจำเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ใครเห็นรูปก็จะจำได้เลยว่าที่นี่ Hallstatt
อีกจุดหนึ่งอยู่บนเขาซึ่งมีวิธีขึ้นไป 2 ทางคือ
- ขึ้น cable car ; Round trip 16 euro (ขึ้นหรือลงอย่างเดียว 9 euro)
- เดินขึ้น ใช้เวลาประมาณ 40-60 นาที
พวกเราเลือกวิธีเดินขึ้นค่ะ คือจริงๆไม่รู้ว่ามี cable car แต่ถึงรู้ก็ไม่ขึ้นค่ะ (เปลืองค่ะ) เดินขึ้นใช้เวลานาน และเหนื่อยค่ะ แต่ก็สนุกดี ได้เห็นวิวตลอดทางด้วย
ขึ้นไปแล้วมีอะไร
– มีจุดชมวิวที่สูง และสวยมาก เขาเรียกว่า World Heritage View
– มีทัวร์เหมืองเกลือ แต่ต้องเดินตามทางไปอีกหน่อยนะ ค่าทัวร์ 22 euro 70 นาที
ซื้อตั๋วแบบ combined ticket
cable car ทั้งขึ้นและลง + ทัวร์เหมืองเกลือ = 30 euro (ลดไป 8 ยูโรแน่ะ)
อันนี้ก็น่าสนใจนะคะ แต่พวกเราไม่ได้เข้านะ
พักที่ไหนดี
ถ้าพักที่ Obertraun
– ค่าที่พัก ถูกกว่า สงบกว่า ถึงจะไม่ได้มีจุดเด่นๆ สำคัญๆ หรือ ฮิตๆอะไร แต่ก็สวยมากนะ ที่สำคัญคือไม่มีทัวร์ลงเลย
– ถ้าพักที่นี่ต้องรีบกลับนะ เพราะบัสปกติรอบสุดท้ายคือ 16.41 น.
– ถ้าวันธรรมดาจะมีมินิบัส(รถตู้) ตอนประมาณ 6 โมงเย็น แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์ไม่มีค่ะ
– ส่วนถ้าจะกลับทางเรือข้ามฟาก ก็มีถึงแค่ 6 โมงเย็นเหมือนกัน
– ที่เที่ยวที่ Obertraun มีจุดชมวิวชื่อ Five fingers เป็นจุดชมวิวสูงๆเหมือนที่ Hallstatt แต่จะมี 5 นิ้ว ยื่นออกไป วิธีขึ้นไปก็ต้องขึ้นเคเบิ้ลคาร์ค่ะ
ถ้าพักที่ Hallstatt
– ค่าที่พักแพงกว่า(มาก) เป็นบ้านเรียงบนเขาสวยๆ ได้เห็นมุมสวยๆ จากห้องนอน
– ถ่ายรูปตอนกลางคืนได้ ได้รูปเปิดไฟสวยๆ ไม่ต้องรีบกลับ
– นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ทัวร์ลงเยอะ แต่ตกกลางคืนคงไปกันหมดค่ะ
ซุปเปอร์มาร์เก็ต
ไม่ว่าจะพักที่ Obertraun หรือ Hallstatt มีซุปเปอร์มาร์เก็ตเหมือนกันค่ะ แต่ปิดเร็ว แถมมีพักเที่ยงด้วยแน่ะ ส่วนวันอาทิตย์ปิดทั้งวันนะ
จ-ศ เปิด เช้าถึงเที่ยง บ่ายเปิดบ่ายแก่ๆ เปิดไม่กี่ชั่วโมงก็ปิดแล้ว วันเสาร์เปิดถึงเที่ยงเท่านั้น
มี Guest card นั่งบัสฟรีมั้ย
พวกเราอยากรู้เลยถามคนที่โรงแรมค่ะ เขาทำหน้างงๆ ก่อนตอบว่า อื๊มม…ไม่มีนะ แต่ช่วงหน้าหนาว low season ก็อาจได้นะ ลองเอาใบเข้าพักนี้ยื่นให้คนขับดูก็ได้ “You can try” แล้วก็เอาใบยืนยันการเข้าพัก(A4) ให้เรามา
เขาบอกให้ลอง เราก็ต้องลองสิคะ พอยื่นให้คนขับดู เขาส่ายหัวอย่างแรง ทำหน้าเบื่อหน่าย
สรุปคือไม่ว่าจะพัก Obertraun หรือ Hallstatt ไม่มี Guest card เหมือนที่เยอรมนีนะคะ จ่ายแบบ single ticket สถานเดียว ไม่มีพาสบัสใดๆด้วยค่ะ
การเดินทางจาก Bad Ischl ไป Hallstatt ของพวกเรา
เริ่มต้นเช้านี้ด้วยการเดินทางจาก Bad Ischl ไป Obertraun โดยซื้อตั๋วเที่ยวเดียว 4.7 euro
ถึงสถานีรถไฟ Hallstatt Bahnhof แต่เราไม่ลงค่ะ จะไป Obertraun สถานีถัดไปค่ะ
ใครจะนั่งเรือข้ามฟากไป Hallstatt ก็เดินตามลูกศรไปลงเรือค่ะ
เรือมีพอสมควร ไม่น้อยนะ แต่ก็ไม่ถึงกับพลุกพล่าน เข้าใจว่าน่าจะมีตลอดทุกฤดู ถ้าน้ำไม่เป็นน้ำแข็งซะก่อนนะ
พอมาถึง Obertraun ก็ต้องลากกระเป๋าไปฝากโรงแรมก่อน (ยังเข้าห้องไปได้ เช้าไป) แล้วก็มารอรถบัสสาย 543 ไป Hallstatt รอบรถมีน้อยค่ะ ต้องเช็คเวลามาก่่อน จะได้ไม่เสียเวลารอ
นั่งบัส543 เลยป้าย Hallstatt Lahn มาป้ายนึง ก็จะเป็น Hallstatt Romische เห็นป้ายมั้ยคะ มันอยู่ตรงกระท่อมเล็กๆเหมือนป้อมยามนั่นน่ะค่ะ
จากนั้นก็เดินอ้อมที่กั้นถนนมาตรงที่เรายืนถ่ายภาพอยู่น่ะค่ะ แล้วก็เดินย้อนตรงไป ก็จะเจอเมืองค่ะ
จริงๆถ้าขี้เกียจเดินก็ลงป้าย Hallstatt Lahn ค่ะ ใกล้สุด คนเยอะ แต่พวกเราอยากเดินดูจุดอื่นด้วยก็จะได้เดินทีเดียว ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา
พอเดินมาถึงจุดมหาชน ก็จะเห็นภาพคุ้นๆ ถ้าใครเคยเห็นในรูปมาก่อน คงจำโบสถ์แหลมๆนี้ได้ แต่ดูคนซะก่อนค่ะ ไม่รู้มาจากไหน ตอนเดินมาก่อนหน้านี้แทบจะร้าง
คนก็ชอบมาถ่ายจุดเดียวกัน ได้ภาพเหมือนๆกัน แย่งๆกัน ลองไปหามุมอื่นที่แตกต่างดูบ้างก็ได้ค่ะ มีอีกเยอะ
เดินต่อมาจนถึงโบสถ์ จะเห็นสุสาน จะมีบันไดทางเดินขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
พวกเรานั่งกินเสบียงกันตรงสุสาน(อืม…ก็มันสวยดีนะ)ก่อนที่จะต้องหอบสังขารเดินขึ้นไปให้ถึงจุดชมวิวข้างบนค่ะ
ใช่ค่ะ…เราสามารถเดินขึ้นไป The World Heritage View Point ได้ด้วยสองขาของเรา โดยไม่ต้องพี่ง cable car การเดินจะมี 2 เส้นทาง แต่ละทางจะใช้เวลา 60 นาที (แต่เดินจริงๆไม่ถึงนะ)
พวกเราไปเส้นทาง S ค่ะ เพราะเส้นทาง H ปิดอยู่
วันนี้เป็นวันที่อากาศหนาวมากๆๆๆ ฝนก็ตกปรอยๆตลอดทั้งวัน หมอกก็เยอะ แต่ก็ยังสวยค่ะ
อยากจะบอกว่าจุดชมวิวที่ยื่นๆออกไปอ่ะ เราไม่กล้ามองลงไปเลยอ่ะ ขาสั่นมือสั่น กลัวลมมันหอบเราลอยตกไป (555+) วันนั้นหมอกเยอะมาก ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่ แต่ก็ยังสวย ถ้ามาตอนอากาศดีๆน่าจะสวยกว่านี้เยอะนะ
เดินไป Salt Mine ต่อ แต่ไมได้เข้านะ ไปชะโงกชมเฉยๆ แหะๆ
จริงๆทัวร์ Salt Mine ก็น่าสนใจนะคะ แต่ตอนวางแผนมาเห็นว่าเกินงบ และต้องใช้เวลานานถึง 70 นาที ก็เลยไม่ได้เข้าค่ะ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเข้าเหมือนกัน
Salt mine = 22 euro
Salt mine + cable car ขึ้นลง = 30 euro
cable car ขึ้นลง = 16 euro
cable car ขึ้นหรือลงอย่างเดียว = 9 euro
อยากให้เห็นภาพรวมว่าเส้นทางเดินขึ้นมันไกลขนาดไหน ตามความรู้สึกตอนขึ้น มันก็เหมือนไกลนะ แต่เราก็คิดว่าเดินไปเรื่อยๆอ่ะ ไม่ไดแข่งกับใคร เดินไปดูวิวไป ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ก็แค่เดินไปเรื่อยๆ พอถึงจุดบนสุดแล้วก็รู้สึกว่าก็ไม่ได้ไกลอะไรนี่
ยิ่งตอนเดินลงยิ่งรู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง วิวระหว่างทางสวยกว่าข้างบนอีกนะ เพราะข้างบนมันมีหมอกบังหมด ตรงกลางๆ มันเห็นเมืองใกล้ดี สวยมากๆ
พวกเราใช้เวลาข้างบนทั้งหมดประมาณ 1 ชม. ขาขึ้นประมาณ 45 นาที ขาลงประมาณ 30 นาที จากนั้นก็เริ่มเดินต่อในเมือง ก็จะเริ่มเจอผู้คน เสียงครึกครื้น ดูมีชีวิตชีวิาขึ้น ต่างกับก่อนหน้านี้ที่ดูร้างๆ เหมือนมีแค่เราสองคน
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดี คนท้องถิ่นก็จะเข้าโบสถ์กัน เมืองก็เงียบมาก แทบจะหาคนหน้าตาฝรั่งๆไม่ได้เลย แต่คนเอเชียจะเยอะมากๆ มากที่สุดเท่าที่ไปที่อื่นมาเลยนะ ฮิตจริงๆสำหรับเมืองนี้
เดินๆต่อมา ช่วงกลางเมืองก็จะมีโรงแรม บ้านพัก นักท่องเที่ยว ร้านขายของ โอ้ย…เยอะมากๆๆๆ อย่างกับอยู่ในดิสนี่ย์แลนด์
ภาพในเมืองคงไม่ต้องลงเยอะเนอะ ดูของคนที่ถ่ายรูปสวยๆ คงมีเยอะอยู่แล้ว อันนี้ capture มาจากวิดีโอนะ
เออ…พูดถึงเดินกันเป็นกลุ่มนิดนึง คือก็เข้าใจว่าไปต่างบ้านต่างเมือง ถ้าหลงกันมันก็อาจไม่ดีใช่มั้ย แต่เราลองมองหามุมอื่นๆที่ว่างๆ โล่งๆบ้างก็ได้นะ ไม่ต้องแย่งกัน มันมีมุมอื่นๆที่แปลกตา สวยๆอีกเยอะแยะเลย
หรือเวลาใครถ่ายรูปจุดๆนั้นอยู่ เราก็ไม่ต้องไปแย่งกันยืนจุดนั้นจุดเดียวก็ได้ เบียดกันไปเบียดกันมา รอกันไปรอกันมา ไม่สนุกมั๊งเนอะ
วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกพรำๆทั้งวันเลย อากาศจะหนาวมากๆ เสื้อผ้าที่ใส่ไปหลายชั้นก็ยังรู้สึกไม่สบายตัว แต่เห็นฝรั่งสองคนนี้ใส่บางๆแค่ไม่กี่ชั้น ดูชิลๆมากเลย แถมยังใส่ขาสั้นอีกแน่ะ
โบสถ์หลังคาแหลมๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของฮัลล์สตัตต์ชื่อว่า Hallstatt Lutheran Church นะคะ
เดินต่อๆมาเรื่อยๆก็จะเจอ Hallstatt Lahn เป็นจุดขึ้นลงเรือข้ามฝาก แล้วก็จุดถ่ายรูปไปที่เมืองได้สวยๆด้วยค่ะ
จุดนี้ต้องระมัดระวังกันให้ดีๆนะคะ อย่าเผลอถอยไปจนตกทะเลสาบนะ ถ่ายห่างๆก็ได้ หวาดเสียวแทนอ่ะ บางทีวิวมันสวยซะจนตื่นเต้น ทัวร์ให้เวลามาก็นิดเดียว รีบถ่าย รีบเดิน รีบไป บางจุดก็มีหลุมโคลน ฝนตกมันก็แฉะ เห็นคนถ่ายรูปบอกให้ถอยๆไปหน่อย ถอยอีกๆ นางแบบก็ “แผล่ะ…” เหยียบไปเต็มๆ
ตรง Hallstatt lahn จะมีรถ Shuttle bus จาก Cesky Krumlov ด้วยนะ มีเส้นทาง 3 แบบ
Cesky Krumlov ไป-กลับ Vienna
Cesky Krumlov ไป-กลับ Salzburg
Cesky Krumlov ไป-กลับ Hallstatt
คนละ 800 CZK / seat (ขาไปหรือกลับขาเดียวนะ ไม่ใช่ราคาไปกลับ)
เดินออกนอกใจกลางไปหน่อยก็จะเป็นบ้านเรือน เงียบสงบ ลำธารใสแจ๋ว (แต่ทำไมไม่ค่อยมีปลา สงสัยปลาจะหนาว) น่าอยู่มากๆจริงๆค่ะ
ขนาดสถานีตำรวจยังสวยเลยอ่ะ
เดินเล่นอยู่ดีๆก็มีสาวญี่ปุ่นมาถามทาง คือนักท่องเที่ยวถามทางกันเองล่ะทีนี้ เพราะหาคนท้องถิ่นไม่ได้เลย555+
ไอ้เราก็คิดว่าคนญี่ปุ่นจะไฮเทค แต่เห็นเธอปริ๊นท์แผนที่มาเป็นกระดาษ แถมชื่อถนนยังเป็นภาษาญี่ปุ่นอีกแน่ะ พอดีพวกเราจะเดินไปทางนั้นพอดีก็เลยเดินไปส่งซะเลย
ตรงนี้เป็นป้ายรถบัส Hallstatt Lahn จากรูปถ้าหันซ้ายก็จะเป็นท่าเรือ Hallstatt Lahn
สำหรับคนที่จะขึ้นบัสกลับ Obertraun แบบพวกเรา ก็ต้องมาขึ้นที่ป้ายนี้นะคะ คือป้ายนี้มันทั้งขามาขากลับก็ขึ้นลงป้ายเดียวกันเลยนะ
แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ามันตรงไป หรือมันกลับ Obertraun …ก็ต้องดูตารางเวลาค่ะ ดูจากเวป OBB หรือ Postbus ก็ได้ค่ะ รถมันมาตรงเวลา(มากกกก)
ตอนขามาพวกเราผ่าน Hallstatt Lahn แต่เราไม่ลงเพราะตั้งใจจะไปลงป้ายหน้า คนขับยังถามเลยว่า “ไม่ลงหรอ” เพราะนี่คือป้ายที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องลง
กลับ Obertraun
หลังจากนั่งบัสสาย 543 กลับมา Obertraun ก็เข้าเช็คอินโรงแรม พักผ่อน แล้วก็ออกมาเดินสำรวจเมือง Obertraun กันอีกทีค่ะ
ที่ Hallstatt กับ Obertraun มีซุปเปอร์มาร์เก็ตนะคะ ไม่ต้องกลัวอด แต่…ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือ เขามีปิดเปิดเป็นเวลาค่ะ
สรุปความประทับใจ Hallstatt + Obertraun
1. Hallstatt สวยสมคำล่ำลือค่ะ ขนาดฟ้าฝนไม่เป็นใจ หมอกลง ฝนพรำทั้งวัน ก็ยังสวยค่ะ แต่รู้สึกไม่ค่อยเหมือนในรูปที่เคยเห็นเลยนะ รู้สึกทึมๆกว่า แต่ก็โอเคค่ะ
2. จุดมหาชนจะเยอะ และแย่งกันถ่ายรูปกันเป็นพิเศษ
3. จุดที่ชอบคือระหว่างทางขึ้นเขา เห็นวิวสวยๆ ตลอดทาง แถมไม่มีใครเลย
4. จุดชมวิวสูงสุดบนเขา ที่เป็นสามเหลื่ยมยื่นออกไป รู้สึกหวาดเสียว ไม่ค่อยกล้ามองลงไปเลย แต่ก็สวยค่ะ แต่ลำบากตอนถ่ายรูปมากค่ะ กำลังถ่ายรูปอยู่ คนก็จะมายืนออ กดดัน ใกล้ๆ
5. ถามว่าควรไปมั้ย ก็ต้องไปสิคะ สวยคุ้มค่าการเดินทางค่ะ จะไปโฉบเฉยๆ ไม่ค้างก็ได้ ที่นี่ที่พักแพงมาก
6. ถ้าเดินเล่นข้างล่างในเมืองเฉยๆ ก็แป๊บเดียวเองไม่เกิน 1-2 ชม. ก็หมดแล้ว แต่ถ้าเดินขึ้น-ลงเขา ก็บวกไปอีก 2-3
7. ถ้าขึ้น cable car และเข้าทัวร์เหมืองเกลือรวมเวลาเดินเล่นแล้ว อย่างน้อยๆก็ต้องเพิ่มอีก 1.30 ชม.
8. ที่สถานีรถไฟทั้งที่ Hallstatt และ Obertraun ไม่มีที่ฝากกระเป๋านะคะ
9. สำหรับ Obertraun ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว แต่เดินเล่นได้เรื่อยๆ ใช้เป็นแหล่งที่พักอาศัย จะถูกกว่า Hallstatt
10. ที่น่าสนใจมาก แต่เกินงบของเราก็คือ 5 Fingers ต้องขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ไปอีกไกล สูงกว่า Hallstatt น่าจะ 3 เท่า จะมองเห็นฝั่ง Hallstatt ด้วย แต่คงจะเล็กจิ๋วมากๆค่ะ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ
ขอบคุณค่ะ ละเอียดและชอบการรีวิวของคุณมาก น่ารัก-ธรรมชาติ ดูเข้าใจง่าย ขอติดตามตอนต่อๆๆไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ผลิตผลงานดีดีอีกน่ะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ
ชอบมากๆในความละเอียดของการอธิบายขั้นตอน-รายละเอียดในการเดินทางต่างๆค่ะ เราอ่านและทำความเข้าใจจนมองเห็นภาพเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ ^^
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ