เที่ยวยุโรป Season 1 Day 26-27 เที่ยว Vienna
สองวันต่อจากนี้พวกเราจะตะลุยเที่ยวเวียนนากันแบบเต็มๆเลยค่ะ สถานที่ที่จะต้องไปให้ได้คือ Vienna Hofburg , Belvedere Palace , Schoenbrunn Palace , Old Town
ตั๋วที่ใช้เข้าสถานที่ : Sisi ticket
ตั๋วเดินทาง : 72 hrs. ticket (สำหรับคนที่เที่ยวเวียนนา 2 วัน ซื้อแค่ 48 hrs. ก็ได้นะคะ พอดีว่าพวกเราอยู่ 4 คืนค่ะ
เริ่มต้นวันจากที่พักแถว Erdberg นั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Herrengasse ซึ่งเป็นสถานีทีี่ใกล้ Hofburg ที่สุด จินตนาการไว้ว่าโผล่ออกมาต้องมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นแน่ๆ แต่ภาพแรกที่เห็นเป็นอย่างในรูปค่ะ อย่างกับเมืองร้างไร้ซึ่งผู้คน อดคิดไม่ได้ว่าเรามาผิดที่หรือเปล่า
ไม่ค่ะ ไม่ได้มาผิด แต่มาเช้าไปค่ะ (9 โมงก็ไม่เช้ามากนะ) พอเดินไปตามทางไป Hofburg ก็จะเห็น Michaelerplatz แบบนี้ค่ะ
พวกเราเข้าชมพิพิธภัณฑ์กันอยู่นาน รวมเวลาเดินเล่นรอบๆก็ 3 ชม. ภาพตอนเช้าและตอนเที่ยงต่างกันมากค่ะ คนเยอะมากสมใจเลย พิพิธภัณฑ์ด้านในก็น่าสนใจมาก มีรายละเอียดเยอะ มีห้องให้ชมเยอะ คุ้มค่ามากๆค่ะ เดี๋ยวจะสรุปประวัติเกี่ยวกับ Vienna Hofburg ให้ก่อนนะคะ เพื่อความเข้าใจ และสร้างความสนุกได้มากขึ้นก่อนนะคะ
Vienna Hofburg
Vienna Hofburg หรือ Hofburg palace ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเวียนนา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของตระกูล Habsburg อันยิ่งใหญ่มายาวนานถึง 640 กว่าปีแล้ว
วังฮอฟเบิร์กที่เวียนนาเป็นวังหลวงหลัก แต่ถ้าใครจำวันที่ไปอินน์สบรูคได้ที่นั่นก็มีวังฮอฟเบิร์กเหมือนกัน แต่จะเป็นวังฤดูร้อนพักผ่อนชื่อว่า Innsbruck Hofburg ค่ะ
จุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของตระกูล Habsburg
ถ้ายังจำกันได้ ที่เราเคยไป เที่ยว Melk ตรงนั้นเคยเป็นฐานของตระกูลบาเบนเบิร์กใช่มั้ยคะ แต่หลังจากตระกูลบาเบนเบิร์กล่มสลายลง ก็มีการแย่งชิงอำนาจระหว่าง King Rudolf of Habsburg กับ King Ottokar of Bohemia
สุดท้าย King Rudolf ก็ชนะ ซึ่งก็ได้เป็น King of Roman คนแรกของตระกูล Habsburg และนี่คือจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ ของตระกูลฮับส์บูร์ก (ปี 1278) แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นจักรพรรดินะคะ
จนกระทั่งต่อมาอีกหลายรุ่น คือ Frederick III ถึงจะได้เป็น Holy Roman Emperor องค์แรก ของตระกูลฮับส์บูร์ก แล้วตำแหน่งจักรพรรดิ แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ก็ตกอยู่กับตระกูลฮับส์บูร์กมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 1452(Frederick III) – 1806(Francis II)
โดยปี 1806 นี้เอง ถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของ Holy Roman Empire
ต่อมาก็เป็นยุคของ Austrian Empire ซึ่งตำแหน่งจักรพรรดิก็ยังมีอยู่นะ เพียงแต่ไม่ใช่จักรพรรดิของ Holy Roman Empire อีกแล้ว เหมือนตำแหน่งมันควบซ้อนทับอยู่น่ะค่ะ เหมือนใส่มงกุฏหลายอัน ก็แค่ถอดมงกุฏอันหนักที่สุดออกแค่นั้นเองค่ะ ยังเหลือตำแหน่งจักรพรรดิของ Austrian Empire อยู่
ตำแหน่งจักรพรรดินี้ ก็ส่งต่อสู่รุ่นลูกหลานมาเรื่อยๆ ในตระกูลฮับส์บูร์กนี้เอง จนมาสิ้นสุดที่ปี 1918 ซึ่งเป็นจุดล่มสลายของจักรวรรดิโรมันอันศักสิทธิ์
แล้วมันเกี่ยวกับ Vienna Hofburg อย่างไร
วันนี้เรามาเที่ยวพระราชวังฮอฟบูร์กใช่มั้ยคะ ขอเล่าเฉพาะที่เกี่ยวกับ Hofburg ละกันนะค่ะ
คือก่อนที่จะมีวังใหญ่ๆแบบนี้ ดั้งเดิมเล็กกว่านี้เยอะเลยนะคะ นึกถึงบ้านตระกูลเศรษฐีน่ะค่ะ พอตระกูลฮับส์บูร์กเริ่มมีอำนาจ หลังตระกูลบาร์เบนเบิร์กล่มสลาย ก็เลยย้ายฐานจาก Melk ไปที่ Vienna ซึ่งเป็นบ้านที่ตระกูล Habsburg อาศัยมาตังแต่บรรพบุรุษอยู่แล้ว
ตั้งแต่นั้นมา จากบ้านเศรษฐี ก็ขยายใหญ่ขึ้นให้สมฐานะกษัตริย์ เปลี่ยนผู้ปกครองที ก็ต่อเติมทีไปเรื่อยๆ จนใหญ่อลังการ เดินจนเมื่อยอย่างที่เห็นนี่แหล่ะค่ะ
Vienna Hofburg Palace ได้นับว่าเป็น Imperial Residence ในฐานะ จักรพรรดิ แห่ง Holy Roman Empire ตั้งแต่ปี 1438 – 1583 และปี 1612 – 1806
แต่เป็น Imperial Residence ในฐานะ จักรพรรดิ แห่ง Austrian Empire ตั้งแต่ปี 1806 – 1918
ถ้านับรวมระยะเวลาก่อนนั้นด้วย ส่วนที่เก่าที่สุดดั้งเดิมก็คงมีอายุมากกว่า 700 ปี เลยทีเดียว ปัจจุบันก็ยังเป็นสถานที่ทำราชการ และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ
ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ปี 1914 – 1918
แผนผัง Vienna Hofburg
ในพื้นที่ของ Hofburg Palace มีปีกอาคารหลักๆประมาณ 16 ส่วน
1 Swiss Wing, 2a Augustinian Church, 2b Augustinian Monastery, 3 Stallburg, 4 Amalienburg, 5 Leopold Wing, 6 Redouten Wing, 7 Winter Riding School, 8 Imperial Library, 9 Augustinian Wing, 10 Archduke Albrecht Palace (formerly Tarouca-de Sylva Palace), 11 Imperial Chancellory Wing, 12 Festsaal – Festival Hall Wing, 13 St. Michael’s Wing, 14 Neue Burg Wing, 15 Corps de Logis, 16 Palm House or Butterfly House
ส่วนของ Platz ต่างๆ ก็อีก 8 ส่วน
A Internal Castle Square, B Ballhausplatz – Ball House Square, C St. Michael’s Square, D Schweizerhof – Swiss Court, E Joseph Square, F Albertina Square, G Burggarten – Castle Garden, H Heldenplatz ( formerly External Castle Square)
Historical construction stages in colours:
(สีส้ม = 13th to 17th century , สีฟ้า = 18th century , สีเขียว = 19th to 20th century)
ในนั้นก็จะมีพิพิธภัณฑ์หลายประเภทมากๆนะคะ เช่น National History Museum, Museum of Art History, Museumsquartier, Neue Burg
แต่ส่วนที่สำคัญ และฮิตที่สุด ที่นักท่องเที่ยวเวลาน้อยอย่างเราควรเข้าก็คือ
1. Imperial Silver Collection
ส่วนใหญ่เป็นข้าวของเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร จาน ชาม ช้อน ส้อม โต๊ะอาหาร ของประดับโต๊ะอาหาร และอีกเยอะแยะมากมาย
จนพวกเราคิดว่า เค้าหยิบของพวกนี้มาใช้กันจริงๆหรอ เลือกยังไง กว่าจะไปหามาได้คงตาลายกันแน่ๆ ห้องจัดแสดงก็หลายห้อง ของก็เยอะ(มากๆจริงๆ) แนะนำว่าให้ใส่แว่นกันแดดเข้าไปด้วยนะคะ ไม่งั้น ประกายมันแยงตาค่ะ (555+ ล้อเล่น)
2. Sisi Museum
ส่วนนี้เป็นส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นห้องหลายห้อง พื้นเรียบๆ ไม่ใช่ห้องนอน ห้องทำงาน ที่ Sisi เคยใช้นะคะ(ก็เพิ่งสร้างนี่นะ) เป็นการจัดแสดงแบบพิพิธภัณฑ์ทันสมัย บอกเล่าเรื่องราวของ Sisi โดยเฉพาะ ทั้งประวัติความเป็นมา ฉายหนัง(จอเท่าทีวี) ชุดแต่งกาย การถูกฆาตรกรรม พวเราชอบส่วนนี้มากที่สุดค่ะ
ใครอยากรู้เรื่องราวชีวิตรักของ Sisi แนะนำให้ไปหาหนังเรื่อง Sisi น่าจะปี 1953 เป็นหนังเก่า ดูเผินๆเหมือนหนังรักน้ำเน่าค่ะ แต่อย่าลืมว่านั่นคือหนังยุค 50 นะ
3. Imperial Apartments
ส่วนนี้ก็จะเป็นที่อยู่จริงๆแล้วค่ะ ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องรับแขก ห้องแต่งตัว ไม่ใช่เฉพาะของ Sisi นะคะ แต่เป็นของทุกพระองค์ที่เคยใช้วังแห่งนี้ แต่ที่เน้นมากเป็นพิเศษก็คงเป็น Maria Theresa กับ Sisi เพราะเป็นที่รู้จักกันดี ส่วนนี้ก็น่าสนใจมากๆค่ะ
ค่าเข้าชม Vienna Hofburg
ถ้าพูดถึงการเข้าชม Vienna Hofburg ก็จะหมายถึง เข้าชมพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 ที่เลยค่ะ
ซึ่งจริงๆ Vienna Hofburg คือพื้นที่ทุกส่วน รวมถึงที่ต่อเติมภายหลังด้วยค่ะ แต่เวลาไปซื้อตั๋ว เขาจะเรียก Vienna Hofburg ซึ่งก็หมายถึง Imperial Silver Collection, Sisi Museum และ Imperial Apartments
ทั้ง 3 ที่นี้อยู่ติดๆกันค่ะ ถ้าดูจากในรูปแผนผังด้านบน ก็ประมาณเบอร์ 11, 13 แค่นั้นเองค่ะ ซึ่งซื้อตั๋วเดียว ได้เข้าทั้ง 3 ที่เลยนะคะ
ค่าเข้า 12.9 ยูโร การเข้าชมจะมี Audio guide ให้กดตัวเลขฟังเอาเองค่ะ (ใช้ Sisi Ticket ได้)
ด้านในห้ามถ่ายรูปนะคะ เลยไม่มีรูปให้ดูค่ะ
Sisi Ticket
สำหรับพวกเรา เลือกใช้ตั๋ว Sisi Ticket นี้ เพราะคุ้มกว่าเยอะค่ะ ซึ่งเป็นตั๋วที่ครอบคลุมพิพิธภัณฑ์ถึง 3 แห่งด้วยกันคือ
1. Vienna Hofburg ที่เล่าไปแล้วข้างต้น ซึ่งได้แก่
– Imperial Silver Collection
– Sisi Museum
– Imperial Apartments
(ค่าเข้า 12.9 ยูโร)
2. Schönbrunn Palace แบบ Grand tour (ค่าเข้า 16.4 ยูโร)
3. Imperial Furniture Collection (ค่าเข้า 9.5 ยูโร)
Sisi Ticket คุ้มมั้ย
ถ้าซื้อเดี่ยวๆ รวมกันจะได้ 38.8 ยูโร แต่ Sisi Ticket ราคา 28.8 ยูโร เท่านั้น ถ้าบอกว่าไม่ได้อยากเข้า Imperial Furniture Collection ก็ไม่ต้องเข้าก็ได้ เพราะ 2 ที่แรกรวมกันก็ 29.3 ยูโร แพงกว่าด้วยนะ แต่ยังไงซะ Vienna Hofburg กับ Schönbrunn Palace ก็เป็นที่ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดอยู่แล้วค่ะ ฉะนั้น ฟันธง “คุ้มค่ะ”
แปลกนะคะ ถ้าพูดถึงเวียนนา แทนที่จะนึกถึงจักรพรรดิองค์ต่างๆ แต่กลายเป็นว่า มีชื่อของ Sisi ที่ถึงกับตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะกันเลย ขนาดตั๋วที่พวกเราซื้อ ยังชื่อว่า Sisi Ticket เลยนะ Sisi คือใคร มาจากไหน สำคัญอย่างไร…
Sisi คือใคร
หรือชื่อเต็มๆก็คือ Elisabeth Amalie Eugenie เป็นเจ้าหญิงจากตระกูล Wittelbach แห่งบาวาเรีย ได้มาแต่งงานกับ Franz Joseph I ซึ่งจะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิของ Austrian Empire
จำได้มั้ยคะที่บอกว่า Holy Roman Empire จบลงไปนานแล้ว แต่ Austrian Empire ก็ยังมีตำแหน่งจักรพรรดิอยู่นะคะ แล้ว Franz Joseph I คนนี้ก็คือคนเกือบสุดท้าย ก่อนจะมีการยกเลิกตำแหน่งจักรพรรดิแห่งออสเตรียนั่นเอง
ทำไม Sisi ถึงโด่งดัง
อาจเป็นเพราะแต่งงานกับ จักรพรรดิ Franz Joseph I ซึ่งครองราชนานถึง 68 ปี (1848-1916) ตอนต้นรัชสมัย เป็นยุคที่เริ่มมีความเจริญ จนมาถึงจุดสูงสุด และตกต่ำในปลายรัชสมัย มีการต่อต้านกลุ่มคนชั้นสูง ราชวงศ์ และระบบกษัตริย์ จนนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่1
แต่เหตุผลที่เราเดาเองว่า ทำไมออสเตรียถึงยก Sisi และ Franz Joseph I เป็นจุดขาย ก็เพราะว่าทั้งคู่ทั้งสวย ทั้งหล่อ และมีสตอรี่ นั่นเองค่ะ
ชีวิตหลังแต่งงานของ Sisi
Sisi แต่งงานตอนอายุ 17 กับ Franz Joseph I ซึ่งมีอายุ 24 ด้วยความรักล้วนๆ ตอนแรก Franz Joseph I ได้ถูกคลุมถุงชน ให้แต่งงานกับพี่สาวของ Sisi แต่ Franz Joseph I ไม่ยอม และอยากแต่งงานกับ Sisi คนเดียว แต่จริงๆเค้าก็เป็นญาติกันนะ
เรื่องราวของ Sisi
Sisi เป็นคนตัวเตี้ย (172 ซม. ไม่เตี้ยนะสำหรับคนเอเซียอย่างเรา แต่บ้านเขาบอกว่า เนี่ยะคือเตี้ย) มีนิสัยรักอิสระ แม่สามีเลยไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แถมยังมีอคติทุกเรื่อง
แต่ Sisi ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก(ในขณะนั้น) เป็นคนดูแลรูปร่าง และสุขภาพมาก (มากเกินไป จนไม่ค่อยสนใจสามี) มีลูกสาว 2 คนแรก ก็พาไปท่องเที่ยว จนติดโรค อีกคนเสีย แต่อีกคนรอด
กระทั่งมีลูกชายคนต่อมา ก็ไม่ได้เลี้ยงดูด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะไม่สนใจ แต่เพราะแม่สามีเอาไปเลี้ยง ไม่ยอมให้ Sisi เลี้ยงต่างหาก
เป็นไง อย่างกับละครน้ำเน่าของไทยเลยใช่มั้ยคะ
ลูกชายคนนี้ก็ถูกหมายมั่นปั้นมือให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง โดนบังคับให้แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ เลยกลายเป็นคนมีปัญหา ติดยา จนฆ่าตัวตายในที่สุด ด้วยอายุเพียงแค่ 31 ปีเท่านั้น
ตอนนั้น Sisi อายุ 52 Sisi เสียใจมาก ก็เลยออกท่องเที่ยวตลอด แทบจะไม่ได้กลับมาเลย แต่การเที่ยวของเธอไม่ได้เที่ยวแบบไร้สาระนะคะ ได้ร่ำเรียน สนใจภาษาฮังกาเรียน ทำประโยชน์ต่างๆ ถึงกับได้รับการยกย่องและเป็นมิตรที่ดีของชาวฮังกาเรียนเลย
ฝ่ายสามี Franz Joseph I ก็เสียใจเรื่องลูกชายไม่แพ้กัน และก็ยังรัก Sisi ไม่มีวันเปลี่ยน แต่ด้วยตำแหน่งก็ยังต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ความสัมพันธ์ค่อนข้างห่างเหิน
จุดจบที่น่าสงสารของ Sisi
เหตุการณ์ล่วงเลยมาจนถึง Sisi อายุ 60 ระหว่างการท่องเที่ยวที่สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงก่อนหน้านั้น ก็มีกระแสล้มระบอบกษัตริย์ คนที่เป็นเชื้อพระวงค์ถูกลอบสังหารหลายราย
Sisi ไม่ใช่เป้าหมายหรอกค่ะ นักศึกษาชาวสลาฟคนนั้น วางแผนจะสังหารเจ้าชายอีกคน แต่บังเอิญว่า เจ้าชายคนนั้นไม่มา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวที่ลับมีดมาแล้ว ก็เลยหันไปฆ่า Sisi แทน เพราะเห็นเป็นคนชั้นสูงเหมือนกัน (อ้าว…เฮ้ย)
ตอน Sisi ถูกแทง ยังไม่รู้ตัวเลยว่าถูกแทง แค่นึกว่าโดนชนล้มลง ก็แค่จะลุกขึ้นเฉยๆ แต่พอลุกได้ยังไม่ได้ได้เดินก็ล้มลงไปอีก บ่นกับตัวเองว่า “เกิดอะไรขึ้นกับฉันเนี่ยะ” จากนั้นก็เสียชีวิตในทันที
Franz Joseph I เสียใจมาก (น่าจะมากกว่าเสียลูกชายอีกมั๊ง) แต่ก็มีอายุต่อมาได้อีก 18 ปี ก็เสียชีวิต ก่อนสงครามโลกครั้งที่1 จะจบลงแค่ 2 ปีเท่านั้น ด้วยวัย 86 ปี
หลังจากนั้น Charles I ก็ขึ้นรับตำแหน่งต่อ แต่ก็อยู่ได้แค่ 2 ปี ก็ถูกบังคับให้สละบัลลังก์ พร้อมๆกับการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ครอบครัวเชื้อพระวงค์ต่างๆก็ถูกยืดทรัพย์หมด และถูกเนรเทศไปอยู่สวิตเซอร์แลนด์ เป็นอันสิ้นสุดความยิ่งใหญ่ อันยาวนานกว่า 640 ปี ของราชวงค์ฮับส์บูร์กอย่างเป็นทางการ
อ่านเพิ่มเติม : ประวัติออสเตรีย
พิพิธภัณฑ์ในเวียนนา ที่น่าสนใจ
1. Vienna Hofburg palace 12.9 euro
– Silver Collection
– Sisi museum
– Imperial Apartment
Hofburg ถือว่าเป็นที่ที่ใครมาเวียนนาแล้วต้องเข้าให้ได้นะคะ ถ้าให้เลือกเข้าได้ที่เดียว ก็เลือกที่นี่แหล่ะค่ะ ซื้อตั๋วเดียว เข้าได้ 3 ส่วน แต่ละส่วนก็ติดๆกัน ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชม. ถ้าให้ดีคือ 2 ชม.
2. Schoenbrunn palace
ที่นี่เป็นอันดับ 2 ที่แนะนำให้เข้าค่ะ แต่ถ้าถามว่า ระหว่าง Hofburg กับ Schönbrunn palace ถ้าเลือกได้ที่เดียว จะเลือกเข้าที่ไหน แอดมินเลือก Hofburg เพราะเป็นวังหลักของตระกูล Habsburg มีส่วนต่างๆให้ชมมากกว่า มีข้อมูลมากกว่า คุ้มกว่า เมื่อเทียบกับราคา
แต่ดูเหมือนว่า Schönbrunn palace ดูจะ popular กว่านะคะ คนเยอะ ทัวร์แยะ จนเข้าไปเนี่ยะ ได้ชมแต่นักท่องเที่ยวกันเองค่ะ แต่ที่เชิงบรุนน์นี้จะเด่นเรื่องสวนค่ะ พื้นที่สวนเยอะและใหญ่มาก ซึ่งเข้าฟรีค่ะ
ตั๋วรวม 1*** (สีแดง)
Sisi Ticket 28.8 ยูโร ; เข้าที่ไหนได้บ้าง
– Vienna Hofburg 12.9 ยูโร (Silver Collection + Sisi museum + Imperial Apartment)
– Schönbrunn Palace (Grand tour) 16.4 ยูโร
– Imperial Furniture Collection 9.5 ยูโร
ตั๋วนี้เป็นตั๋วที่พวกเราเลือกซื้อค่ะ เพราะคุ้มเห็นๆ ถ้าคิดเฉพาะ Vienna Hofburg + Schönbrunn Palace สองที่รวมกันได้ 29.3 ยูโร แค่นี้ก็เกินราคาบัตรแล้วค่ะ ก็เหมือนได้ Imperial Furniture Collection มาฟรีๆ
พวกเราก็คิดเหมือนหลายๆคนในตอนแรกว่า ถ้าไม่มีเวลา ไม่เข้า Furniture ก็ได้ ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร แต่เชื่อเถอะค่ะ พวกเราเข้าชม Imperial Furniture Collection มาแล้ว มันดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่ได้หรูหรานะ ตึกธรรมดา เหมือนออฟฟิศทั่วไปแหล่ะ แต่ข้างในของเยอะมาก เดินจนเมื่อยก็ดูไม่หมด ให้ความรู้สึกเหมือนเดิน IKEA เลยค่ะ
ตั๋วรวม 2** (สีม่วง)
Treasures of the Habsburgs Combined ticket 20 ยูโร ; เข้าที่ไหนได้บ้าง
– Imperial Treasury 12 ยูโร
– Kunsthistorisches Museum (Museum of Art History) คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ อยู่ที่ Maria-Theresien-Platz
– Neue Burg อยู่ด้านหลังวัง Hofburg
สองที่หลัง รวมกัน 15 ยูโร (ไม่มีขายแยก) ตั๋วนี้แอดมินก็อยากเข้าค่ะ แต่คงต้องใช้เวลานาน เลยไม่ได้เข้าค่ะ คิดว่าครั้งหน้าต้องเข้าแน่ๆ
ตั๋วรวม 3* (สีน้ำเงิน)
Belvedere Ticket
– Upper Belvedere 14 ยูโร
– Lower Belvedere และ Orangery 12 ยูโร
ตั๋วรวม 4
Schönbrunn Gold Pass
รวมทุกอย่างใน Schönbrunn palace 55.5 ยูโร เข้าอะไรได้บ้าง…
– Grand tour*** เที่ยวแบบมี Audio guide 40 ห้อง (สูงสุดแล้ว) 16.4 ยูโร (Imperial tour มี 22 ห้อง 13.3 ยูโร)
– Zoo** 18.5 ยูโร
– Maze & Labyrinth* สวนเขาวงกต 5.2 ยูโร
– Gloriette with viewing terrace ชมวิวบนระเบียง 3.6 ยูโร
– Privy Garden เป็นสวนที่ตกแต่งสวยงาม 3.6 ยูโร
– Orangery Garden 3.6 ยูโร
– Carriage Museum 8 ยูโร
ข้างบนเป็นสถานที่ที่น่าเข้า ถ้ารวมค่าเข้าแค่เฉพาะข้างบน = 58.9 ยูโร จะเห็นว่าเกินค่าบัตรไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็เหมือนได้เข้าฟรี ซึ่งได้แก่… (ไม่รู้ราคาเต็มนะ)
– Desert Experience House
– Palm House
– Schloss Hof in the Marchfeld อยู่นอกเมือง อยู่ติด Bratislava ไกล ไม่มีรถไฟผ่าน นั่งบัสอย่างเดียว
แต่…ตามความเห็นของแอดมินแล้ว Gold Pass ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ค่ะ เพราะไอ้ที่เราคิดว่าได้เข้าฟรีน่ะ อันนึงก็ไกลไปไม่ได้ อีก 2 ที่ก็ไม่ได้สนใจ
ถ้าให้เลือกเข้าเป็นอย่างๆ แอดมินเลือก Schönbrunn Grand tour (16.4 ยูโร) , Maze & Labyrinth (5.2 ยูโร), Zoo (18.5 ยูโร) รวมแล้ว 40 ยูโร ซึ่งใช้เวลา 1 วันเต็ม ก็คงพอได้
พิพิธภัณฑ์อีกที่หนึ่ง ที่พวกเราอยากเข้าที่สุด ซึ่งไม่ได้อยู่ในตั๋วรวมอะไรเลยคือ Museum of Natural History 10 ยูโร เพราะเคยลองเข้าที่ Salzburg แล้ว โอ้โห…เขาทำได้ดีมากๆ แถมราคาก็ยังถูกด้วยค่ะ สำหรับที่เวียนนา ตึกใหญ่กว่าตั้งเยอะ แค่เห็นทางเข้าข้างหน้าก็อลังการกว่าที่ Salzburg แล้วค่ะ
อีกที่หนึ่งที่ถือว่าใหญ่โตอลังการ แต่ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ค่ะ คือ MuseumsQuartier เป็นเมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่อย่างน้อย 8 ประเภท เดินข้ามถนนจาก Maria-Theresien-Platz ไปนิดเดียวก็ถึงแล้วค่ะ
หมายเหตุ : ราคาปี 2016
(map : จุดสีแดงเป็นพิพิธภัณฑ์ จุดสีฟ้าเป็นสถานที่น่าสนใจอื่นๆ)
สิ่งก่อสร้างเด่นๆ
โบสถ์
1. St. Stephen’s Cathedral
โบสถ์เก่าแก่ ประจำเมืองเวียนนา ใหญ่มากๆๆๆแต่เนื่องจากอยู่ในเมือง รอบๆเป็นตึกล้อมรอบหมด ถ่ายรูปในระยะใกล้ๆได้เท่านั้น
หอคอยทางใต้สามารถขึ้นไปชมวิวได้ด้วย แต่ตอนนั้นปิดอยู่พวกเราเลยอดขึ้นเลย ด้านในสวยงามอลังการ แต่กั้นไว้ซะเกือบหมดค่ะ ยังไงมาเวียนนาก็ต้องได้เข้าสักครั้งค่ะ
2. St. Charles’s Church
โบสถ์สวยสไตล์บาโรค แต่แอดมินว่าเหมือนพระราชวังมากกว่า สวยมากๆๆจริงๆ(กลางคืนสวยกว่า เพราะเปิดไฟ) มีทำเลให้ถ่ายรูป เพราะอยู่ในที่โปร่ง ถ่ายมุมไหนก็สวย หรู แอดมินชอบโบสถ์นี้มากๆค่ะ ที่สำคัญเขามีให้ขึ้นลิฟท์ไปชมวิวบนดาดฟ้าด้วยนะ (8 ยูโร แน่ะ..)
3. Votive Church
โบสถ์ใหม่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่2 แต่เสียดายที่มาตั้งในเมืองกรุง ที่สิ่งแวดล้อมไม่ได้เข้ากันเล้ย ถ้าไปตั้งบนภูเขาซักหน่อยนะ Hogwarts ก็ Hogwarts เหอะ เจอ Votive Church ก็ชิดซ้ายได้เหมือนกันค่ะ
อื่นๆ
4. City Hall
เทียบเคียงสูสีกับที่มิวนิคเลยค่ะ แต่ดีกว่าที่มิวนิคตรงที่ ที่เวียนนา รอบๆจะไม่มีตึกสูงๆมาบดบังทัศนียภาพ ก็เลยทำให้ city hall ของเวียนนา ดูมีสง่าราศรีมากกว่าเยอะเลยค่ะ
5. Austrian Parliament Building
อันนี้ก็อลังการไม่แพ้ใครค่ะ โรมั๊น โรมัน สวยจริงๆ
6. Maria-Theresien-Platz
เป็นพลาซ่า ที่มีพิพิธภัณฑ์แฝดอยู่สองข้าง แต่ที่เอามาลงหมวดนี้เพราะเป็นแหล่งเดินเล่นที่พวกเราชอบบรรยากาศมากค่ะ ดูมีพลังดี
7. Naschmarkt
ตลาดจัดตั้งแนวยาว ที่มีของขายเยอะมาก แต่ไม่รู้จะซื้ออะไรดี (เพราะแพง…แหะๆ) คล้ายๆเอเซียทีค แต่ที่นี่เป็นแนวยาว(ยาวมาก) มีร้านอาหารแบบให้ลูกค้าออกมานั่งกินหน้าร้าน
ใครชอบแนวนี้ก็ดีนะคะ อย่าลืมจัดให้วันนั้นเป็นวันจ่ายด้วยล่ะ
8. Hundertwasser House
เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ตกแต่งแนวศิลปะ ดูภายนอกแล้วเหมือนการ์ตูน ไปถ่ายรูปสวยๆได้เลย (อันนี้ไม่ได้ไป)
9. Old town
อันนี้เอามาไว้ท้ายสุด ไม่ใช่น่าสนใจน้อยสุดนะ แต่มันน่าสนใจสุดนั่นเองค่ะ แม้ว่าจะมีตึกสมัยใหม่ ร้านหรูแบรนด์เนมบ้าง แต่แอดมินรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่ ดูมีชีวิตชีวาจริงๆค่ะ
พูดถึงย่านเมืองเก่า ไม่ใช่แค่ซอยเดียว หรือกระจุกเดียวนะ มันแผ่ขยายกว้างมีทั้งด้านบน และด้านล่าง มีกลุ่มเมืองที่อยู่เหนือแม่น้ำดานูบ ตรงนั้นก็น่าสนใจค่ะถ้าเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่รู้ 7 วันจะหมดหรือเปล่า
การเดินทางในเวียนนา
ส่วนใหญ่ใช้รถรางเป็นหลัก รถไฟใต้ดินเป็นรอง รถรางดีกว่า เพราะได้เห็นเมือง รถไฟใต้ดินสำหรับไปที่ไกลๆอยากเร็วๆ
การหาสาย การขึ้น ดูไม่ยากค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง มันง่ายจนลืมถ่ายวิดีโอมาเลยอ่ะคิดดู จริงๆมันก็เหมือนๆกับที่เยอรมนีแหละค่ะ มีแอพ offline map (พวกเราใช้ MAPS.ME) หรือใช้ google map (ต้องซื้อซิมเน็ท) จิ้มดูสายรถราง รถไฟใต้ดิน หาไม่ยาก มีเยอะ มีถี่ โอ๊ย…ง่ายค่ะ เอาให้อุ่นใจดาวน์โหลดแผนที่รถไฟมาด้วยก็ดีค่ะ
ค่าเดินทาง
single ticket 2.2 ยูโร (ซื้อบนรถ 2.3 ยูโร)
ใช้ขึ้นได้หมดทุกอย่าง ทั้งรถรางและรถไฟใต้ดิน
zone 100 ในเมือง ประมาณสุดเขตรถไฟใต้ดินน่ะค่ะ
ซื้อที่ตู้ในรถไฟใต้ดิน 2.2 ยูโร ซื้อที่ตู้บนรถราง 2.3 ยูโร
24 hr ticket 7.6 ยูโร
48 hr ticket 13.6 ยูโร
72 hr ticket 16.5 ยูโร
ก็ลองคำนวนดูค่ะว่าเราต้องเดินทางไปไหนบ้าง ถ้ามากกว่า 3-4 รอบ ก็ซื้อตั๋วขั่วโมงไป ยุติธรรมดีตรงที่คิดเป็นชั่วโมง ไม่ได้คิดเป็นวัน
เดินเที่ยวทั้งเมืองได้มั้ย
ถ้าที่หลักๆในใจกลางเมือง ก็เดินได้นะ แต่ถ้าเที่ยวหลายวัน ขาอาจบวมได้ค่ะ แนะนำให้ซื้อตั๋ววันดีกว่า อย่างน้อยก็นั่งรถรางชมเมืองได้ แต่ถ้าใครไม่ได้ไปไหนเยอะมาก อยากเดินเล่นเฉยๆ แล้วที่พักก็อยู่ในเมืองอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องซื้อนะ
เที่ยวเวียนนากี่วันดี
ขึ้นอยู่กับว่าชอบเข้าพิพิธภัณฑ์มั้ย ถ้าชอบ จัดไปหลายวันหน่อยค่ะ
Hofburg + Schönbrunn 1 วัน
วังและพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ก็อย่างน้อยๆที่ละ ครึ่งวัน
Old town + โบสถ์ + สถานที่ที่ดูภายนอกเฉยๆ 1 วัน
ไม่ควรต่ำกว่า 2 วัน แต่ถ้าให้พวกเราเลือกใหม่ คิดว่าอยากจะจัดวันเที่ยวเวียนนาเต็มๆ 4 วันเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ