เที่ยว Wurzburg ตอนเย็น

ตอนที่แล้วพวกเราใช้เวลาที่ Marienberg Fortress เกือบ 3 ชม. ตอนนี้ก็ได้เวลาเก็บตก เที่ยว Wurzburg ตอนเย็น ซึ่งพวกเราจะเดินจาก สะพานเก่า  แวะเข้าโบสถ์เซนต์แมรี่  เดินเลียบแม่น้ำ  กลับโรงแรมช่วงหัวค่ำค่ะ

---

Old Main Bridge เวอร์ชั่นฝนไม่ตก

สะพานนี้ที่ก่อนหน้านี้ ก็มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนก่อนขึ้นไป Marienberg Fortress  แต่ตอนนั้นเป็นเวอร์ชั่นฝนพรำ ฟ้าหม่น จำได้มั้ยคะ

ตอนนี้พระเจ้าคงเห็นความพยายามของพวกเรา ก็เลยประทานวิวสวยๆ เวอร์ชั่นฝนไม่ตกมาให้ค่ะ  ที่บอกว่าฝนไม่ตกเพราะ ไม่ใช่แดดจ้า ฟ้าใสเท่านั้นเองค่ะ

มันเป็นบรรยากาศที่ ถ้าได้มาคนเดียวแล้วยืนเกาะกำแพงสะพาน หันหน้าออกสู่แม่น้ำ  ปล่อยใจให้ลอยไปตามเมฆ  ยืนให้นานที่สุด  อาจมีคนเข้ามาขอยืนด้วยคนก็ได้นะ ฮ่าๆๆๆ  ก็มันโรแมนติกสุดๆ  อากาศก็เย็นกำลังดี

---

Rathaus (City Hall)

เดินตรงไปไม่ไกลจากสะพานเก่า จะเจอ “ศาลาว่าการเมือง” หรือภาษาอังกฤษเรียก “City Hall” ภาษาเยอรมันเรียก “Rathaus”

ไอ้เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ข้างในมันมีอะไร  เคยอ่านมาว่านักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้  ที่สำคัญมีห้องน้ำด้วยล่ะ(แต่ไม่อยากเข้าค่ะ เพราะเกรงใจ และเดี๋ยวก็ถึงโรงแรมแล้ว)

ตอนแรกก็เดินเข้าไปนิดหน่อย แล้วก็จะเดินออกเพราะประตูมันปิดหมด  พอกำลังจะออกเท่านั้นแหล่ะ ก็เห็นคนเดินออกมา  เราก็สวมรอยเข้าเลยค่ะ (อยากรู้อ่ะ…)

เห็นตึกโบราณๆแบบนี้นะ  แต่พอเดินยังไม่ถึงประตู มันก็เปิดเองค่ะ   เดินไปอีกหน่อย มันก็ปิดไล่หลังเราจนตกใจแทบตาย  นึกว่าอยู่ในหนังผี ที่ตัวเอกโดนล่อให้เข้ามาแล้วปิดประตูล็อคไม่ให้ออก แหะๆ…

สรุปข้างในไม่ได้มีอะไรมากค่ะ  เป็นสำนักงานธรรมดาๆ และ “ห้องน้ำ”

---

 

Saint Mary’s Chapel

เดินเลยมาอีกไม่ไกลจะเป็น Marienplatz มีตลาด(Marktplatz) ซึ่งเขาเก็บของกันเกือบหมดแล้วค่ะ(น่าเสียดายสุดๆ) ใครเดินถึงแถวนั้นแล้ว จะต้องเห็นโบสถ์สีขาวขอบแดงเลือดหมู สีสด โดดเด่นที่สุด แถมยังใหญ่มาก

โบสถ์สไตล์โกธิคแห่งนี้ ของเดิมเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1377 แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ก็ปี 1480 (อะไรนะ…เป็นร้อยปีเลยนะ)  ที่น่าเศร้าคือ โบสถ์นี้ก็หนีไม่พ้นภัยสงคราม ศิลปะด้านในถูกทำลายกือบหมด

ชื่อโบสถ์เซนต์แมรี่ น่าจะมาจากชื่อของ “แมรี่” ที่เป็นมารดาของพระเยซู ที่ในภาษาเยอรมันเรียก “มาเรียน”

เรื่องความสวยอลังการไม่ต้องมาบรรยายค่ะ  เพราะไม่เคยเห็นโบสถ์ไหนไม่สวยเลยซักที่  แต่ถ้านึกถึงเอกลักษณ์จนทำให้พวกเราจำได้ ก็คงเป็นเรื่องของสีสันภายนอกโบสถ์ที่สด เหมือนทาสีซ้ำกันทุกเดือนเลยล่ะค่ะ

---

 

Supermarket

เย็นนี้เราต้องหาเสบียงกลับที่พักด้วยค่ะ ซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้เป็นที่หมายสุดท้ายที่มาร์คเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนกลางวันที่เดินผ่าน  หาไม่ยากค่ะ เดินไปเดินมายังไงก็เจอค่ะ

ของที่นี่ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ค่ะ   แต่ก็พยายามเลือกที่ถูก และกินได้  ด้วยหลักการเดิมค่ะ

แป้ง —> ขนมปัง

โปรตีน —> ไส้กรอก แฮม

ผัก —> อันนี้หายากค่ะ เพราะแพงๆทั้งนั้น  แต่ที่สร้างความประหลาดใจที่สุดคือ ผักสลัดที่บ้านเราซื้อกิโลกรัมละ 160-170  แต่เจอที่นี่ หัวใหญ่ๆ น่าจะเกือบกิโล ราคายังไม่ถึง 80 บาท เลยค่ะ

ถ้าซื้อไปนี่เก็บไว้กินได้ทั้งอาทิตย์เลยมั๊ง  ติดแค่ว่ามันเยอะเกินไปนี่แหล่ะ จะให้แบกผักไปทั้งอาทิตย์ก็คงดูแปลกๆ  สาหร่ายที่ห้องก็ยังเหลือ

---

 

ของที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตได้แก่

ไส้กรอก 4 ชิ้นยาวๆ 1.99 ยูโร (~80 บาท) กินได้2มื้อ วันนี้ กับพรุ่งนี้เช้า (2คน)

แฮม 1.19 ยูโร (~48 บาท) อันนี้มี 8 แผ่น เป็นแฮมหมูแบบเนื้อๆ ไม่ใช่แฮมผสมแป้ง

แฮมผสมน้ำสลัด 0.65 ยูโร (~26 บาท) อันนี้อึ้งมากเพราะมันถูกเหลือเชื่อ  เยอะแถมยังอร่อยด้วย

ครีมสลัดสีส้มผสมเนื้อสัตว์อะไรซักอย่าง 1.29 ยูโร (~52 บาท) อันนี้เก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าค่ะ

สตรอเบอร์รี่ 1 แพ็ค 1.79 (~ 72 บาท) อันนี้ถือว่าถูกค่ะ ประมาณครึ่งกิโลกรัม  ถ้าซื้อบ้านเราก็คงเป็นร้อย

ขนมปังสีน้ำตาล (ไม่รู้จะเรียกอะไรดีค่ะ เพราะมันไม่ใช่ขนมปังขาว) 1 แพ็ค 0.65 ยูโร(~26 บาท)  มีประมาณ 7-8 แผ่น  อันนี้ยิ่งกว่าถูก  บ้านเราขนมปังแบบนี้ไม่ต่ำกว่า 50 บาท

โยเกิร์ตดริ้ง (ไม่น่าจะใช่นมเปรี้ยวเพราะมันข้นเกือบเหมือนโยเกิร์ต แต่มันใช้ดื่ม) 0.99 ยูโร (~ 40 บาท)

 

ทั้งหมดนี้ ราคา 8.55 ยูโร (~342 บาท) สองคนกินได้มื้อเย็น และมื้อเช้า

เฉลี่ยได้ 2.2 ยูโร (~86 บาท) ต่อมื้อต่อคน

---

 

แซนวิชสำเร็จรูปมีขายมั้ย?

กรณีซื้อขนมปัง แซนด์วิชแบบสำเร็จรูปที่ขายหน้าซุปเปอร์ ก็มีเยอะค่ะ ราคาหลากหลายมาก ตั้งแต่ 3 – 9 ยูโร

สมมุติว่าซื้อแบบสำเร็จรูป ชิ้นละ 2.2 ยูโร ซึ่งมันจะค่อนข้างน้อย  ส่วนใหญ่ที่น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับขนาดตัวของพวกเราได้ ก็คงประมาณชิ้นละ 3 ยูโร

แต่เราจะได้แค่แซนวิชค่ะ  น้ำ และผลไม้ ไม่ได้ค่ะ แถมยังไม่อร่อยเท่าที่เราซื้อมาทำเองด้วย

ก็มันแค่ขนมปังผ่ากลาง ยัดแฮม 1-2 ชิ้น ทาครีมนิดนึง ผักใบนึง แค่เนี่ยะ มันจะอิ่มได้ไง  ถ้าจะอิ่มคงอิ่มขนมปังล่ะค่ะ เพราะขนมปังมันใหญ่มาก

---

 

ทำไมต้องทำเอง

จริงๆไม่ได้ประกอบอาหารเองเลยค่ะ  แค่ซื้อแยกมาทาเอง โปะเอง แค่นั้นเองค่ะ (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร)

สรุปคือ ที่พวกเราทำเองเพราะอยากประหยัด และคุ้มค่า แถมยังได้กินอาหารที่คนในท้องถิ่นก็กินเหมือนกัน

ไม่ได้เอาหม้อไปหุงข้าว ไม่ได้พกน้ำพริก เครื่องแกง บะหมี่สำเร็จรูปไปต้ม  ของแบบนั้นเดี๋ยวกลับมากินบ้านเราดีกว่าค่ะ

ถ้าจะพกมานะ  แนะนำว่าพกมาขายได้ราคาน่าจะดี แล้วไปซื้อแฮม ขนมปังกินดีกว่า 555 (ล้อเล่นนะ)

ของกินที่นี่อร่อยทุกอย่างค่ะ  ติดแค่อย่างเดียวคือ มันไม่ร้อน ครั้งหน้าจะพกหม้อไปต้มซะเลยดีมั้ย

---

 

Mainkai Street

ใครได้มาเที่ยว Wurzburg นอกจากสะพานเก่า  Wurzburg residence และป้อมปราการ แล้ว อย่าพลาดเด็ดขาดคือ เดินริมแม่น้ำไมน์  ยิ่งช่วงเย็น ไปจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือช่วงเช้าพระอาทิตย์ขึ้น

มันเป็นบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก มีที่นั่งเยอะมาก จะนั่งเฉยๆ  นั่งกิน นั่งคุย ก็สุขใจทั้งนั้นค่ะ  มันลืมทุกอย่างได้จริงๆนะ  เสียงน้ำไหล  เสียงนกร้อง

หันซ้ายเจอป้อมปราการบนเนิน ด้านล่างเป็นสะพานเก่า มองตรงไปฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านสวยๆบนเนิน หันขวาเห็นทางน้ำไหลสุดลูกหูลูกตา  อากาศเย็นสบายๆ

ถ้าใครไม่กลัวความสูง(จริงๆไม่สูง แต่แอดมินกลัว) ก็ปีนขึ้นไปนั่งห้อยขาบนที่กั้นหิน  โอ๊ย…มันช่างมีความสุขอะไรอย่างนั้น   …ว่าแต่คนเมืองนี้เขาหายไปไหนกันหมดนะ…

---

 

วิดีโอ Travel Wurzburg in the evening : Germany-Austria Travel Vlog Ep32 

 

---

รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1

---

 

 

---