Frankfurt Airport

วางแผนเที่ยวยุโรป-50

Frankfurt Airport (Flughafen)

ตอนที่แล้ว พวกเราต่อเครื่องบินจาก Frankfurt Airport   และแล้วตอนนี้ก็ถึงซะที สนามบินแฟรงค์เฟิร์ท  Frankfurt  Airport (Flughafen)  หลังจากที่เดินทางกันมาอย่างยาวนานกว่า 30 ชม.

ต้องบอกก่อนนิดนึงว่า จริงๆแล้วคำว่า Flughafen เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า Airport อยู่แล้ว แต่ทีแรกเห็นในแผนที่เขาเขียนว่า F-flughafen Airport เราก็นึกว่าสนามบินนี้ชื่อ Flughafen ซะอีก  พอเห็นที่ออสเตรียก็เขียนคำว่า flughafen เหมือนกัน  ก็เลยเอะใจค่ะ


 

เดินๆไปเถอะ…อย่าคิดมาก

การเดินทางตั้งแต่ออกจากบ้าน จนมาถึงจุดนี้ร่วมๆ 30 ชม. แม้จะได้นอนบนเครื่องบินบ้าง แต่ก็หลับๆตื่นๆ ไม่สบายเท่านอนบนเตียง  แขนขาจะยืดจะเหยียดก็ลำบาก แต่ส่วนเรื่องกิน ถือว่าอิ่มค่ะ บันเทิงก็ดูหนังจบไปหลายเรื่องเลย

หลังจากเครื่องบินลง รู้สึกดีใจจนลืมไปว่า “นี่เรายังไม่ได้เริ่มเที่ยวจริงๆเลยนะ”   ปนกับความกลัวคิดว่า “เรามาถึงจุดนี้ได้ไง” “ต่อไปจะเป็นยังไง” “จะไปรอดมั้ย”  “แล้วต้องทำยังไงต่อ” “นี่เราอยู่ในหนังรึป่าวเนี่ยะ มีแต่ฝรั่ง”

สมองคิด  ขาก็เดิน  “เอาน่า…ไปเรื่อยๆ เจออะไรก็แก้ไปตามสถานการณ์นั่นแหละ”   “เดินๆไปเถอะ…อย่าคิดมาก”

ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามา  ความเหนื่อยเริ่มหายไป  ความเป็นเด็กเริ่มเข้าสิง และเพิ่งจะรู้สึกว่ามันหนาวววว

 


 

ตม.เยอรมัน โหด จริงมั้ย?

ลงเครื่องที่ Terminal 1 Gate B  แล้วเดินไปตามทางเรื่อยๆ (ไกลมาก)

ผ่านประตูสองชั้น(มันเหมือนประตูกักอากาศหรือพ่นฆ่าเชื้ออะไรหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่ได้มีอะไรพ่นนะ  ไม่รู้มีไว้ทำอะไร)

ผ่านมาเรื่อยๆ จนมาเห็นด่านตรวจคนเข้าเมือง (ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า ตม.)  จุดนั้นแหละที่หนาวที่สุด (โดน Psycho มาเยอะ)

พอถึงคิว พวกเราสองคนเดินเข้าไปพร้อมกัน เพราะคิดว่าเขาจะได้ถามทีเดียว จะได้รู้ว่ามาด้วยกัน

เจ้าหน้าที่เป็นผู้ชาย(โครตหล่อ…จริงๆนะ)  ทำหน้าตาดุมาก  ทำหน้าแบบครุ่นคิด ขมวดคิ้ว (คิดในใจว่า เอาแล้วไง)  ตั้งท่าคิดอยู่นาน ดูพาสปอร์ต พลิกหน้านั้นหน้านี้อยู่สักพัก

แล้วก็ถามว่า “มีใบจองตั๋วเครื่องบินขากลับมั้ย”   โอ้ว…ไม่มีปัญหา มีอยู่แล้วค่ะ

พวกเราก็ให้ใบคอนเฟิร์มเที่ยวบินที่ปริ๊นท์จากอีเมล  ข้อมูลในนั้นก็จะมีพวก วัน เวลา เที่ยวบิน กลับที่ไหน ราคาเท่าไหร่(เราต้องจ่ายเงินแล้วนะ) กี่คน  ต้องมีชื่อของพวกเราอยู่ในนั้นด้วย

คือมันเหมือนเป็น e-Ticket เลยน่ะค่ะ (ไม่ใช่แค่ใบจองนะ ไม่เหมือนตอนไปขอวีซ่าที่ใช้แค่ใบจอง ยังไม่ต้องจ่าย)

ไม่ต้องมี boarding pass นะคะ เพราะสายการบินเขาให้เช็คอินได้ล่วงหน้าแค่1วัน จะไปมีบอร์ดดิ้งพาสได้ไง

“เขาถามอีกว่าจะไปไหนบ้าง” พวกเราก็หยิบ Itinerary ที่เราพิมพ์เตรียมไว้ให้ไปค่ะ

จากนั้นก็ถามต่อว่า “ได้จองที่พักไว้หรือยัง”  (แน่นอน…มีอยู่แล้วสิคะ เอาไปเลย)

ก็ให้เอกสารการจองที่พักไป เป็นโรงแรมในแฟรงค์เฟิร์ท 2 คืน

เขาก็บอกว่า “มาจากไทยแลนด์หรอ  เมืองอะไร”  เราก็บอกว่า แบ๊งค๊อก เขาก็พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่ทัน แต่เหมือนพูดล้อเล่น  งงค่ะ  ทำหน้าดุ แต่พูดเล่น  พึมพำๆอะไรไม่รู้

แล้วก็ปิดพาสปอร์ต แล้ววางซะดังสนั่นหวั่นไหว  ตกใจสิคะ  ถ้าเป็นคนไทยทำแบบนี้ มีต่อยกันแล้วนะ  เขาก็พึมพำๆของเขาต่อ ยังทำหน้าดุอยู่นะ(แต่หล่ออ่ะ) แล้วก็ยังเหมือนพูดล้อเล่นด้วยนะ  และแล้วก็โบกมือ แล้วกล่าวว่า “Go….”

เออ…เรารอคำนี้คำเดียวแหละ  คำอื่นฟังไม่ออกช่างหัวมัน


 

Tenglish

สรุปว่า รู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่ถึง 3 นาที  ถามแค่เนี๊ยะ อุตส่าห์เตรียมตื่นเต้นตั้งหลายเดือน  คือแค่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เตรียมข้อมูล และเอกสารมาพร้อม เรามาเที่ยวจริงๆ ไม่ได้คิดจะมาร่อนเร่ เงินก็มี ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วค่ะ

ทีแรกก็กลัวว่าจะฟังไม่ออก พูดไม่รู้เรื่อง  พอเอาเข้าจริง รู้คำพื้นๆ คีย์เวิร์ด ชี้โบ๊ชี้เบ๊ ทำท่าเหมือนใบ้คำ เอาแค่ให้เขารู้เรื่องก็ใช้ได้แล้วค่ะ ไม่ต้องแต่งประโยคให้ถูกไวยากรณ์หรอกค่ะ (แต่ก็จะพยายามพัฒนาค่ะ)

คิดว่าพูดไปเหอะค่ะ  บางทีเราคนไทยก็ติดอาย  เพราะเคยพูดแล้วมีคนขำบ้าง เพื่อนล้อบ้าง ครูด่าบ้างว่าใช้ไม่ได้ ต้องพูดแบบนี้ต่างหาก เราก็จำฝังใจ ไม่อยากพูด แต่ที่นี่ ต่างประเทศ ไม่มีคนรู้จัก ชาติอื่นๆเขาก็ไม่ได้พูดถูกหลัก แค่เขาพูดแล้วอีกฝ่ายเข้าใจ

สำเนียงของเยอรมันก็ยังไม่เหมือนอังกฤษเลย เคยได้ยินเขาเรียกว่า Denglish คือ Deutsch  + English

แล้วมันจะผิดยังไงถ้าจะมี Tenglish คือ Thai + English


Duty Free

เดินต่อไป ก็จะเป็นการตรวจกระเป๋าถือของเรา  ก็ปกติ ไม่มีอะไร ไม่ได้ต้องถอดรองเท้า  ผ่านไปอย่างเร็วจนเหมือนลมพัดเลยอ่ะ

ผ่านออกมาก็เป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ น้ำ ขนมปัง ราคาน้ำน่ะแพง น้ำอัดลมขวดละเป็นร้อยเลย  แต่เราว่าขนมปังไม่แพงอย่างที่คิดนะ 60-80 บาท ได้อันใหญ่ๆเลย น่ากินทั้งนั้นเลยด้วย


 

Baggage Claim

เดินเล่นจนลืมไปว่าต้องไปเอากระเป๋าอีก  ต้องลงบันไดเลื่อนไปชั้น1 เป็น Baggage Claim  ดูที่บอร์ดว่าเที่ยวบินของเรา ต้องไปรับกระเป๋าที่สายพานเบอร์อะไร

เดินออกมาแบบโล่งๆ ไหนว่าสนามบินแฟรงค์เฟิร์ทคนเยอะไง  ผิดกับสนามบินอตาเติร์กของตุรกีคนเยอะอย่างกับท่ารถทัวร์

หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย ก็เดินสำรวจพื้นที่อีกนิดหน่อย  เดินได้แป๊บเดียวก็รู้สึกว่า หมดแล้วหรอ มีแค่เนี๊ยะ ทำไมมันไม่เห็นใหญ่อย่างที่คิดเลยนะ (ไม่ได้เล็กนะ แต่จินตนาการมาว่ามันใหญ่มาก)  อาจจะเป็นเพราะเป็นฝั่ง Arrival ก็ได้นะ

 


 

วิดีโอ Frankfurt Flughafen Airport Arrival : Germany-Austria Travel Vlog Ep11

 


รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1


 

สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
  • GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
  • กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide

ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ


One thought on “Frankfurt Airport”

  1. แล้วที่เยอรมันมีเคสแบบพวก เจ้าหน้าทีตรวจพวกสินค้าลิขสิทธิ์แบบที่ฝรั่งเศส อิตาลี่ ป่าวครับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.