Kaiserburg (Nuremberg Castle)
ตอนที่แล้วพวกเรานั่ง รถไฟจาก Bamburg ไป Nuremberg เช็คอินโรงแรมเรียบร้อย พร้อมจะออกเดินทางแล้วค่ะ สถานที่แรกที่จะไปก็คือ Kaiserburg หรือ Nuremberg Castle ที่สูบเวลาของพวกเราไปได้เยอะเลยค่ะ
จากโรงแรม Hotel ibis Nürnberg City am Plärrer ไป Kaiserburg
ก่อนอื่นขอเล่าวิธีเดินทางไป Kaiserburg ของพวกเราก่อนนะคะ
จากรูปด้านบน ตอนนี้เราอยู่กันที่ Hotle ibis เราจะไปต่อรถบัสกันที่ Plarrer ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ จุดรวมรถไฟ รถราง และบัส
ทีแรกพวกเราคิดว่าจะนั่งรถไฟใต้ดินไปลง Lorenzkirche ในเขตเมืองเก่า แล้วค่อยเดินไป Kaiserburg
แต่ตอนนั้นฝนตกค่ะ การเดินคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก แต่ฟ้าประทานแผนที่ข้างทางมาให้พอดี (จริงๆเหลือบไปเห็นโดยบังเอิญค่ะ ดังรูปข้างล่างนี้)
จากรูปที่กรอบสีแดง(Kohlenhof) เป็นจุดที่เรายืนอยู่นะคะ เส้นสีแดงตรงนั้นเป็นเส้นรถราง
ส่วนกรอบสีส้ม(Plärrer) จะมีเส้นสีส้มซีดๆนั่นคือ เส้นรถบัสสาย 36 (ของจริงก็ซีดเหมือนในรูปเลยค่ะ ตาบอดสีนี่ยุ่งเลยนะ)
เห็นแผนที่ดังรูปก็ยิ้มเลยค่ะ เพราะมันเป็นบัสที่เข้าไปถึง Kaiserburg ใกล้ๆเลยค่ะ
สรุปนะคะ
จากโรงแรม เดินไปป้ายรถราง(เดินนิดเดียว) นั่งรถรางสาย 4 ไป Plarrer
จากนั้นก็ขึ้นบัสสาย 36 ไปลง Burgstr
แล้วก็เดินขึ้นไปทางเหนืออีกหน่อยก็ถึงทางเข้า Kaiserburg แล้วค่ะ
Kaiserburg คืออะไร
Kaiser = Emperor
Burg = City หรือ Town
Kaiserburg เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Imperial Castle of Nuremberg
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับ Emperor และประวัติต่างๆ รวมถึงสิ่งของ ชุดเกราะ อาวุธ
เป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากๆ มีอะไรให้ดูเยอะ มีที่ให้เดินสำรวจก็เยอะ จนอยากแนะนำให้เผื่อเวลากับที่นี่ซัก 2-3 ชม. นะคะ
ค่าเข้า Kaiserburg
จะมีทั้งหมด 2 ส่วน ที่ต้องเสียค่าเข้าชมดังนี้ค่ะ
1. Palas with Double Chapel / Kaiserburg Museum: 5.50 Euro
2. Deep Well and Sinwell Tower: 3.50 Euro
แต่ถ้าจะเข้าทั้ง 2 แห่ง ก็จะมีตั๋วรวม ได้ลดราคาค่ะ
Combination ticket (Palas with Double Chapel / Deep Well / Sinwell Tower / Kaiserburg Museum) 7 Euro
ส่วนที่เข้าฟรีก็คือ
Castle Gardens and Maria Sibylla Merian Garden : admission free
สำหรับพวกเราใช้ตั๋ว 14-days ticket ราคา 2 คน 44 ยูโร สามารถใช้เข้าฟรีทุกส่วนค่ะ
พวกเราซื้อและเริ่มใช้ครั้งแรกคือ Wurzburg residence ลองเข้าไปดูรายละเอียดได้ค่ะ
ภาพรวม Kaiserburg
Kaiserburg เป็นปราสาทของจักรพรรดิ (Imperial Castle) สร้างขึ้นสมัยยุคกลาง ที่มีความยิ่งใหญ่และสำคัญมากในสมัยนั้น
ถ้ายังไม่อินว่ามันสำคัญแค่ไหน ก็ลองนึกดูว่า Holy Roman Empire กินเนื้อที่เกือบทั้งยุโรปในปัจจุบัน
แล้วจักรพรรดิ(Emperor) ก็คือประมุขของจักรวรรดิทั้งหมด จักรพรรดิอาศัยอยู่ที่เมืองนี้(ช่วงหนึ่ง) แล้วทีนี้นึกออกหรือยังคะว่ามันเป็นสถานที่สำคัญขนาดไหน
Nuremberg ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ปี 1050 เนินแห่งนี้ถือเป็นทำเลทองในการตั้งรกรากของราชวงศ์ Salian และ Hohenstaufen
จนต่อมากลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองมาก
หมดยุค Hohenstaufen
แต่เมื่อจบยุคของราชวงศ์ Hohenstaufen ในปี 1254 เมืองนี้ก็กลางเป็นเมืองอิสระ
ภายใน 2 ร้อยกว่าปีหลังจากนั้น ก็มีการเปลี่ยนผู้ครอบครองไปหลายมือ ถูกเผาบ้าง สร้างขึ้นใหม่บ้าง จนสุดท้ายก็ไปตกอยู่กับ Elector แห่ง Brandenburg
ปราสาทแห่งนี้เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของ Emperor ที่จักรพรรดิหลายๆพระองค์เคยมาประทับหลายต่อหลายครั้ง
แต่สุดท้ายก็ถูกลดความสำคัญลงไปตามกาลเวลา
Holy Roman Empire ล่มสลาย
หลังความล่มสลายของ Holy Roman Empire ในปี 1806 Nuremberg ก็ตกเป็นของอาณาจักรของบาวาเรีย
แต่ช่วงนั้นก็ยังมี King ปกครองอยู่ ก็ยังคงมีการต่อเติม ปรับปรุงอยู่เรื่อย
พอจบยุคของกษัตริย์ แต่ผู้นำในขณะนั้นก็ยังคงต้องการรักษาประวัติศาสตร์ ยังคงทำนุบำรุงอย่างดี
หลังสงครามโลกครั้งที่2
น่าเศร้าที่หลังจบสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งเมืองถูกทำลายเกือบหมด แต่ที่น่าชื่นชมคือผู้นำเร่งสร้างเมืองรวมถึงปราสาทแห่งนี้ ให้กลับคืนมาสวยเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว และทำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้ความรู้มากมาย
สำหรับพิพิธภัณฑ์ที่เราเห็นอยู่ปัจจุบันนี้ ได้ทำขึั้นใหม่เมื่อปี 2013 นี้เอง ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ
ทั้งอธิบายส่วนประกอบต่างๆ เรียงลำดับประวัติศาสตร์ เคยเป็นอะไรมาบ้าง รายละเอียดเยอะชนิดวันเดียวคงอ่านไม่หมด
และไม่ได้บอกแค่ประวัติของ Nuremberg อย่างเดียว ยังบอกถึงภาพรวม และรายละเอียดทั้งหมด ที่เกี่ยวกับ Holy Roman Empire
รับรองว่าเป็นแหล่งข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุดแห่งนึงจริงๆค่ะ
ในส่วนนี้จะอธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับแต่ละห้องนะคะ จะได้เห็นภาพ และเตรียมความรู้ไว้เวลาเข้าไปจะได้ไม่เอ๋อแบบแอดมินค่ะ
ส่วนแรก Palas with Imperial Apartment and double chapel
พอแอดมินได้ยินคำว่า Palas ปุ๊บ บอกเลย “Palas คือไรวะ”
จารย์กู๋(google) กะ จารย์วิ(wiki) บอกว่า
คำว่า Palas มาจากภาษาลาตินตอนปลายว่า Palatium ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Imperial court
คำ Palas ใช้ในภาษาเยอรมัน จะแปลประมาณว่า “ความโอ่อ่า” “ความมีเกียรติ” ซึ่งใช้กับสิ่งก่อสร้างในยุคกลาง ซึ่งจะมีห้องโถงหลักใหญ่ๆ นั่นคือ Palas
จากรูปจะเห็นว่ามี 2 ชั้นนะคะ
ชั้น1
Knights’ Hall (เบอร์ 1)
ทางเข้าจะเริ่มเข้าที่หมายเลข 1 เป็นห้องที่ชื่อว่า Knights’ Hall
ห้องนี้เป็นห้องที่ Emperor ใช้รับแขก พบปะกับคนสำคัญ
เท่าที่เห็นไม่ได้ตกแต่งอะไรมากค่ะ ห้องโล่งๆ มีภาพที่ผนังจางๆ แต่ที่น่าสนใจคือ ดูวิวนอกหน้าต่าง (แหะๆ)
Double chapel (เบอร์2)
เป็นโบสถ์สองโบสถ์ที่ซ้อนกันอยู่ อันหนึ่งเป็น Imperial Chapel ซึ่งอยู่เหนือโบสถ์อีกอันหนึ่งคือ St. Margaret’s Chapel ตรงกลางจะมีช่องเปิดโล่ง เวลาทำพิธีก็เชื่อมถึงกันได้
เป็นโบสถ์ที่รอดพ้นจากสงครามโลกครั้งที่สองมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่เมือง Nuremberg ทั้งเมืองถูกถล่มซะย่อยยับ
แต่ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้าชมได้เฉพาะ Imperial Chapel ซึ่งอยู่ด้านบน สำหรับ Margaret’s Chapel ซึ่งอยู่ด้านล่าง ไม่สามารถเข้าชมได้ค่ะ ได้แต่ชะโงกมองลงไปเท่านั้น
Imperial Hall (เบอร์3)
จาก Double chapel เดินขึ้นไปชั้น 2 ก็จะเป็น Imperial Hall สมัยก่อนใช้เป็นที่จัดงานเฉลิมฉลอง
ห้องนี้ เนื้อหาสาระจะเกี่ยวกับ Holy Roman Empire ทั้งหมด เช่น Emperor มีหน้าที่อะไร Emperor รักษาดินแดนและความสงบอย่างไร ทำอะไรบ้าง
เยอะอ่ะค่ะ ตรงนี้ อ่านทั้งวันจะจบมั้ยก็ไม่รู้ มีภาษาอังกฤษ คู่กับภาษาเยอรมัน นั่งเล่น นั่งจิ้ม ก็สนุกดีค่ะ
Emperor’s Living Room (เบอร์4)
ส่วนนี้เป็น Imperial Apartment ซึ่งถูกทำลายจากสงคราม แต่บางส่วนก็เหลือรอดมาได้บ้าง
Emperor’s Chamber (เบอร์5)
ช่วงสงครามโลก มีบางส่วน(เพดาน ; ทำไมต้องหลังคา ไม่เข้าใจ)ที่ถูกเก็บไว้ในที่ปลอดภัย พอจบสงครามก็เอากลับมาติดตั้งใหม่
Corner Chamber (เบอร์6)
เป็นห้องเล็กๆที่มีของมีค่าอย่าง มงกุฏ และภาพวาดเหตุการณ์สำคัญ
Insignia Corridor (เบอร์7)
เป็นทางเดินที่ไม่ได้มีบันทึกในประวัติศาสตร์ว่ามีไว้ทำอะไร แน่นอนว่าส่วนนี้ก็ถูกทำลายช่วงสงครามเช่นกัน แต่ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้เหมือนเดิม
ตรงนี้จัดแสดงประวัติศาสตร์ช่วง Holy Roman Empire ล่มสลาย จนถึงสงครามโลกครั้งที่2
Bower (Imperial Castle Museum)
ดั้งเดิมสร้างขึ้นเมื่อปี 1220 ช่วงยุค Hohenstaufen แต่สองร้อยกว่าปีให้หลัง ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นอาคาร4ชั้น
ภายหลังปี 1999 ก็ได้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ในการศึกยุคกลาง พวกชุดเกราะ ปืน หอก เทคนิคการสู้รบ ฯลฯ
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากค่ะ มีของให้ดูเยอะจริงๆ บางอย่างก็ดูแปลกๆ ดูไม่ออกเลยว่ามันไว้ทำอะไร
ถือว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่สนุกที่สุด ส่วนอื่นก็สนุกค่ะ แต่ส่วนนี้มันทำให้เราจดจำได้มากที่สุดค่ะ
ส่วนที่สอง จะอยู่ด้านนอกอาคารคือ Deep Well และ Sinwell Tower
Deep Well
ถูกจารึกไว้ประมาณปี 1563 เป็นอาคาร 2 ชั้น ดูภายนอกเหมือนกระต๊อบหินเล็กๆ
เป็นบ่อน้ำใช้เก็บน้ำ ดูเหมือนจะธรรมดานะ แต่จะขอบคุณมันก็ตอนที่เมืองโดนฆ่าศึกล้อมน่ะสิคะ เพราะมันลึกถึง 50 เมตร
ส่วนนี้จะต้องชมผ่านไกด์ทัวร์เท่านั้นค่ะ พวกเราดันประตูเข้าไปไม่ได้ แล้วก็ไม่มีเวลารอรอบทัวร์ ก็เลยพลาดไปค่ะ
Sinwell Tower
เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 13 ใช้สำหรับสังเกตุการณ์
คำว่า Sinwell แปลว่า extremely round คือ หอคอยแท่งสูงกล๊มกลม
ช่วงหลังๆก็ทำเป็นที่เก็บเอกสาร ข้อมูล และสมบัติ รวมถึงนักโทษด้วย
อาจจะด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง ก็เลยรอดพ้นจากการถูกทำลายช่วงสงครามโลกครั้งที่2 มาได้
ปีนขึ้นไปดูวิวข้างบนได้ค่ะ และมีจัดแสดงภาพก่อนและหลังถูกทำลายจากสงคราม ของปราสาท และเมือง เห็นแล้วน่าเศร้า และน่าทึ่งปนกัน จริงๆ เพราะ เมืองไหม้หมด แต่สร้างกลับมาเป็นแบบที่เห็นนี้ได้ยังไง
ส่วนที่สาม Castle garden
เป็นพื้นที่สวน สามารถเข้าชมฟรี
บริเวณปราสาท มีที่ให้เดินเยอะแยะไปหมด สวนด้านหลัง ระเบียงชมวิว เดินๆไปอาจหลงก็ได้นะคะ เพราะมันมีหลายทางให้เข้าๆออกได้
วิดีโอ [เที่ยวยุโรป] Travel Kaiserburg – Nuremberg Castle, the best museum : Germany Travel Vlog Ep51
รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ