Medieval Old Town Rothenburg
ตอนที่แล้วพวกเรา เดินบน Rothenburg Town Wall ได้แค่ 1 ใน 3 ส่วนเท่านั้น เพราะเป้าหมายถัดไปก็คือ Burggarten , Tauber bridge ที่ค้างคาใจไว้ และสำรวจเมืองเก่ายุคกลาง Medieval Old Town Rothenburg ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะมืดนั่นเองค่ะ
ด้วยเวลาตอนนี้ 5 โมงกว่าๆ เห็นเควสที่บรรยายแล้ว รู้สึกว่าตัวเองโลภมากจริงๆ
พักเอาแรง
จริงๆแล้วสาเหตุที่แอบอุบไว้ จากการที่ต้องรีบลงจากกำแพงก็เพราะ “ป้าย WC” นั่นเองค่ะ เพราะพอเห็นป้ายห้องน้ำปุ๊บ เกิดอยากเข้าขึ้นมาทันที แต่…เห็นแต่ป้ายนะคะ ตัวห้องน้ำมันอยู่ไหน หาไม่เจออ่ะ
ประจวบเหมาะกับจุดลงกำแพง มันอยู่ใกล้กับโรงแรมของพวกเราพอดี ก็เลยถือโอกาสเข้าไปพักผ่อนกันด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น แต่ก็เรียกพลังกลับมาได้เยอะเลย
ออกสำรวจกันต่อ
ระหว่างทางเจอร้านค้าอยู่ร้านนึง วางของหน้าร้านรกๆ ขายทุกอย่าง เหมือนร้านขายของชำ บางอย่างก็ถูกจนเหลือเชื่อ เช่น แยมแอปเปิ้ล และดอกไม้ แต่ทั้งสองอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของที่จะแบกไปด้วยคงไม่ได้
ร้านค้าต่างๆ จะทยอยปิดกันประมาณ 6 โมงเย็น แม้ว่าแสงแดดยังส่องสว่างจ้าราวกับบ่าย 4 โมงบ้านเรา
Burggarten
จุดหมายแรกที่ค้างไว้ตอนก่อนๆ (เมืองเก่าโรเทนเบิร์ก) เพราะเคยมาโฉบนิดนึงแล้ว แต่ไม่ได้เดินไปจนสุดเพราะเห็นว่ามันกว้างมาก ก็คือ Burggarten
แต่ครั้งนี้เตรียมใจย้อนกลับมาเต็มที่ แต่กลับไม่ได้กว้างอย่างที่คิด (จริงๆกว้าง แต่ก่อนหน้านี้มองจากประตูเฉยๆ เลยนึกว่ากว้างกว่านี้)
คำว่า Burggarten เป็นภาษาเยอรมันนะคะ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Castle garden เพราะสมัยก่อนมีปราสาทอยู่ใกล้ๆตรงนั้น แต่ตอนนี้ไม่เห็นมีเลยค่ะ สงสัยจะโดนถล่มไปนานแล้ว เหลือแต่สวน
กลางเมษายังไม่มีดอกไม้
พวกเรามช่วงกลางเมษายน ซึ่งก็คิดว่าน่าจะมีต้นไม้ ดอกไม้เต็มสวนแล้ว แต่เพิ่งจะเริ่มจะเตรียมดิน เริ่มปลูกเป็นกระหย่อมเท่านั้นเองค่ะ
แต่ขนาดไม่ค่อยมีดอกไม้มากนัก ก็สวยน่านั่งมากๆค่ะ มีคนเล่นดนตรีคลาสสิกสดๆให้ฟัง(เขาขายซีดีน่ะ) วิวทิวทัศน์ที่สมชื่อกับคำว่า Castle garden
มาสวนเพื่อดูวิว
สวนที่เคยเห็นในรูป กับของจริงก็เลยคนละอารมณ์กันนิดนึง แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเป้าหมายถัดไปที่อยากไปมากคือ Tauber bridge
สรุปในจุดของสวน Burggarten คือ ต้องเดินมาชมให้ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฤดูที่มีดอกไม้หรือไม่มี เพราะเป้าหมายก็คือวิวที่มองออกไปต่างหากล่ะคะ ที่สวยกว่า
เป็นจุดชมวิวฝั่งตะวันตก ซึ่งส่วนใหญ่เห็นต้นไม้มากกว่า มีบ้านเล็กๆแทรกๆนิดๆ
Tauber bridge
ชื่อ Tauber เป็นชื่อลำธารเล็กๆที่สะพานนี้ข้าม จึงได้ชื่อว่า Tauber bridge
Tauber bridge เป็นสะพานที่มีสองชั้น ก็เลยมีชื่อเล่นว่า Double bridge ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางวิศวกรรมอย่างมาก ที่สามารถสร้างได้แบบนี้มาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว
เป็นสะพานประวัติศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยค.ศ.1330 เป็นทางเชื่อมทางการค้าระหว่างเมือง Augsburg ถึง Wurzburg
มีความกว้างสำหรับรถ 4 เมตร และความกว้าง 1 เมตรสำหรับคนเดิน
Mission failed
ที่อยากไปดูเพราะไม่เคยเห็นใครถ่ายรูปตอนเดินบนสะพานมาเลย ก็เลยไม่เข้าใจว่ามันเดินชั้นบน แล้วรถวิ่งชั้นล่าง หรือปัจจุบันอาจจะไม่ได้ให้รถวิ่งแล้ว มันเลยต้องไปดูให้เห็นกับตา
แต่…เห็นในแผนที่มันใกล้แค่นี้นะคะ แต่มันหาทางไปยากจริงๆ ถ้าจะไปจริงๆก็แค่เดินตามถนนใหญ่ไป หรือไม่ก็ลัดเลาะเข้าป่า (มีทางเดินไปดินให้ค่ะ)
แต่ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเย็นมากๆแล้ว กลัวหลงป่า กลัวงู กลัวไกล และกลัว…อะไรไม่รู้ค่ะ
ก็เลย…ไปไม่ถึง…แหะๆๆ เอาไว้โอกาสหน้าจะทำเควสนี้ให้สำเร็จให้ได้
Medieval Old Town Theme park
ในเมื่อหาทางไปสะพานไม่ได้ ก็มีเวลาเหลือ เดินสำรวจเมืองเก่าส่วนที่ซ่อนๆอยู่เต็มไปหมด
พวกเราพบว่า เมืองนี้มันเหมือน Theme park ในสวนสนุกที่ไม่มีเครื่องเล่น ไม่มีคน ไม่เก็บค่าบัตรผ่านประตู ไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่มีตัวการ์ตูน
มีแต่เมืองสวยๆ ให้เราครอบครอง และเดินสำรวจได้ไม่มีวันหมด
เพราะมันมีซอยซอย มีช่องทางลับ มีทางเดินวนไปวนมาได้หลายทาง
อย่างกับเล่นเกมส์ เดินๆไปอาจมี monster ให้เก็บเลเวล เดินๆไปอาจมีของให้เก็บ มีเหรียญให้สะสม จริงๆที่ว่ามาไม่มีซักอย่างหรอกค่ะ มีแต่ค่าประสบการณ์(exp) ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
สิ่งที่ไม่ชอบในโรเทนเบิร์ก
ก็เรื่องรถยนต์ที่วิ่งกันเยอะกว่าคนเดินซะอีก วิ่งกันเร็วด้วยนะ เสียงก็ดัง ถ้าเป็นเมืองปกติก็ไม่ได้คิดอะไร
แต่ลองจินตนาการดูว่า ถ้าเราได้เดินอยู่ในเมืองที่มีบ้านเรือนเป็นแบบที่เห็นนี่แหล่ะ แค่ไม่มีรถยนต์ ไม่มีกลิ่นควันท่อไอเสีย ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ใครจะเข้ามาให้เดินเข้ามาอย่างเดียว รถจอดไว้ด้านนอกนู่น มันจะเลิศขนาดไหน
แหม…อินซะลืมไปว่านี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่สวนสนุก !!!
สรุป
– พวกเรามีเวลาให้เมืองนี้ได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น (สาเหตุ Flixbus ไป Rothenburg ยกเลิก) ซึ่งมันน่าเสียดายมาก คิดว่าในอนาคต ต้องกลับมาเที่ยวที่โรเทนเบิร์กให้ได้อย่างแน่นอน
– จริงๆใช้เวลาเดินทั้งเมือง (เฉพาะเดินเฉยๆนะ ไม่เข้าสถานทีใดๆ เดินผ่านๆ เร็วๆ) คงใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 3 ชม.
– ให้คะแนนความประทับใจ 10/10 ไปเลยค่ะ (หักจากที่รถเยอะ จริงๆให้ 11/10)
โปรแกรมแนะนำ โรเทนเบิร์ก 2 วัน 2 คืน
– แต่ถ้าจะให้เดินสำรวจแบบทั่วๆจริงๆ แบบไม่รีบร้อน ควรค้างที่นี่อย่างน้อยๆ 2 คืนค่ะ
– มาถึงวันแรก ก็คงเกือบเที่ยง ไป City hall Tower ก่อน ถ้ามีตลาดด้านหน้าก็ถือว่าโชคดีมากค่ะ จากนั้นเดินไปอีกนิดที่ Christmas museum และ Medieval Crime museum (อันนี้แอดมินไม่อยากดู เพราะกลัวค่ะ) แค่นี้ก็น่าจะหมดไปครึ่งวันแล้วค่ะ
– สำหรับใครที่ยังมีแรง หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว ก็ออกมาทัวร์กับ Night Watchman ตอน 2 ทุ่ม (จุดนัดพบคือหน้า Town hall ควรมาก่อนซัก 1ทุ่มครึ่ง)
สำหรับทัวร์ Night Watchman ราคาคนละ 6 ยูโร
พวกเราไม่ได้ใช้บริการ เพราะว่า เดินจนง่วงแล้ว ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนอกเมืองเก่า กว่าจะกลับถึงห้องก็เกือบ 3 ทุ่ม
ยังไม่ได้กินอะไรตอนเย็นเลย พรุ่งนี้เช้าก็ต้องออกแต่เช้าด้วย ก็เลยคิดว่าเอาไว้โอกาสแล้วกัน
– หมดไปแล้วครึ่งวัน กับ 1 คืนใช่มั้ยคะ อีกวันนึงก็เดินเมืองเก่า ครึ่งวันเช้าก็สำรวจให้ทั่วเมืองเก่า เดินบนกำแพงเมืองให้ครบรอบ แพคอาหารไปทานในสวน ชมวิว ชมดอกไม้
– ครึ่งวันหลัง เดินนอกตัวเมืองเก่า เดินไปสะพาน Tauber ระแวกนั้นเป็นต้นไม้ ลำธาร บ้านหลังเล็กๆ น่าเดินสำรวจ ถ้าเวลาเหลือก็เดินเมืองด้านนอกกำแพง เท่านี้ก็คงไม่ค้างคาใจแล้วล่ะค่ะ
– พรุ่งนี้เช้าก็เตรียมตัวออกจากเมืองได้แล้วค่ะ
วิดีโอ Exploring medieval old town Rothenburg : Germany-Austria Travel Vlog Ep39
รวมลิ้งค์ทุกตอน รีวิวเที่ยวยุโรป Season1
สวัสดีค่ะ GoNoGuide มีเป้าหมายที่จะให้ข้อมูลท่องเที่ยวและวีซ่า อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่เรารู้ เพื่อนๆที่ต้องการสนับสนุนเรา สามารถทำได้ดังนี้
- เลือกบริการที่ต้องการสนับสนุนเรา
- GoNoGuide จะได้รับค่าคอมมิชชั่นเล็กๆน้อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม สำหรับลิงค์แนะนำโรงแรม เครื่องบิน และประกันต่างๆ
- กดติดตามช่อง Youtube และ Facebook GoNoGuide
ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ